เปิดอาณาจักร"แพนดอร่า"ยึดไทยฐานผลิตอัญมณีป้อนตลาดโลก

 

           เปิดอาณาจักร“แพนดอร่า”หนึ่งในแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยเพียงประเทศเดียวตอกย้ำนโยบายภาครัฐมุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่การรักษาสิ่งแวดล้อมเปิดอาคารฝ่ายผลิตสีเขียวแห่งใหม่ทันสมัยที่สุดในโลกการันตีด้วยมาตราฐาน LEED ระดับทองจากสภาอาคารเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา  ตอกย้ำความเชื่อมั่นจากผลประกอบการปี 2560 แพนดอร่ามีรายได้รวมคิดเป็นมูลค่ากว่า 114,000 ล้านบาท มีการเติบโตขึ้น 15% จากปี 2559 โดยผลิตเครื่องประดับอัญมณีทั้งหมด 117 ล้านชิ้นจากฝีมือของช่างเครื่องประดับชาวไทยกว่า 1.3 พันคน

 

        ด้วยความตั้งใจในการรังสรรเครื่องประดับที่ผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ผ่านช่างฝีมือชาวไทยกว่า 13,200 คน มายาวนานกว่า 29 ปี จนถึงวันนี้เครื่องประดับของแพนดอร่าทุกชิ้น ได้สร้างแรงบันดาลใจและสร้างความสุขให้ผู้หญิงในการสร้างสรรค์และแสดงออกถึงความเป็นตัวตนของพวกเธอมาแล้วกว่า 100 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก ทำให้เครื่องประดับของแพนดอร่ายังคงครองใจผู้หญิงทั่วโลกอย่างไม่เสื่อมคลาย

        สอดรับกับความต้องการเครื่องประดับแพนดอร่าของตลาดโลกที่ยังคงมีเพิ่มมากขึ้นในทุกปี บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด จึงได้สร้างอาคารผลิตเครื่องประดับที่ทันสมัยที่สุดแห่งแรกของโลกขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ มีรูปแบบอาคาร AAA (ทริปเปิ้ลเอ) เป็นอาคารผลิตสีเขียวแห่งนี้ได้รับการการันตีมาตราฐานความเป็นผู้นำด้านการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ มาตรฐาน LEED ระดับทอง จากสภาอาคารสีเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council®) ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจของแพนดอร่าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการผลิตเครื่องประดับคุณภาพสูงในราคาที่สามารถครอบครองได้

  มร. นีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสสายงานการผลิตและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัดกล่าวถึงอาคารทริปเปิ้ลเอ(AAA) เป็นอาคารสูง 4 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 20,000 ตารางเมตร พร้อมสวนบนดาดฟ้า ระหว่างการก่อสร้างได้มีการควบคุมผลกระทบที่อาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบให้น้อยที่สุด เริ่มตั้งแต่การออกแบบอาคาร การเลือกสถานที่ตั้งอาคาร การใช้วัสดุในการก่อสร้าง การวัดคุณภาพอากาศภายในอาคาร การติดตั้งระบบต่างๆ ภายในอาคาร อาทิ ระบบน้ำ ระบบไฟ led ระบบทำความเย็น เป็นต้น เพื่อให้มีการใช้น้ำ ไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียนภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อาคาร AAA สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 20% และลดการใช้น้ำกว่า 47%

โดยน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการล้างปูนออกจากต้นเงินต้นทองได้นำไปบำบัดก่อนหมุนเวียนกลับมาใช้ในอาคารใหม่ ระบบเครื่องขัดหินขัดผ้าแบบแยกเดี่ยวช่วยลดการใช้ไฟฟ้าลงได้อย่างมาก เนื่องจากมีการออกแบบเชื่อมต่อเครื่องขัดหินขัดผ้ากับเครื่องดูดผงฝุ่่นเข้าด้วยกันแบบ 1 ต่อ 1 โดยสามารถปิดสวิตซ์ได้ในแต่ละยูนิตเมื่อไม่ใช้งาน และวัสดุก่อสร้างของอาคาร AAA กว่า 38 % สามารถนำไปรีไซเคิลได้ใหม่ รวมทั้งขยะที่ได้จากการก่อสร้างอาคารทั้งหมดได้ถูกส่งต่อไปรีไซเคิลเพื่อคัดแยกประโยชน์แทนการนำไปถมดินที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

   “อาคารผลิตแห่งใหม่นี้เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแพนดอร่าว่า เรายังคงปักหลักดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่เป็นฐานการผลิตแห่งเดียวของแพนดอร่าเพื่อป้อนตลาดโลก ตามวิสัยทัศน์แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีที่ส่งมอบประสบการณ์อันพิเศษสุดให้แก่ผู้หญิงทุกคน ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่งของแพนดอร่า ผสานกับศักยภาพของช่างฝีมือชาวไทยรวมทั้งทีมงานแพนดอร่าทั่วโลก ผมเชื่อมั่นว่าแพนดอร่าจะเดินหน้าสู่ผู้นำด้านการ ผลิตและส่งออกของวงการจิวเวลรี่ระดับโลก และเติบโตอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน” มร.นีลส์ กล่าวย้ำ

    สำหรับผลประกอบการในปี 2560 ที่ผ่านมา แพนดอร่ามีรายได้รวมคิดเป็นมูลค่ากว่า 114,000 ล้านบาท มีการเติบโตขึ้น 15% จากปี 2559 โดยผลิตเครื่องประดับอัญมณีทั้งหมด 117 ล้านชิ้นจากฝีมือของช่างเครื่องประดับชาวไทย ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในมากกว่า 100 ประเทศ ใน 6 ทวีปทั่วโลกและมีจุดจำหน่ายมากกว่า 7,700 จุด รวมถึงคอนเซ็ปต์สโตร์ 2,300 ร้าน โดยสัดส่วนยอดขายแบ่งออกเป็นจี้ประดับ และสร้อยข้อมือ 75% แหวน 14% ตุ้มหู 6% สร้อยคอและจี้ห้อยคอ 5% 

    อย่างไรก็ตามแพนดอร่าได้เริ่มก่อตั้งในปี 2525  มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลกมากถึง 25,300 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นช่างฝีมือเครื่องประดับอัญมณีมากถึง 13,200 คน ปฏิบัติงานอยู่ที่ฐานการผลิตหลักในประเทศไทยและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค(NASDAQ) ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในปี 2553 จวบจนปัจจุบัน 

  “เติมฝันเพื่อวันใส"คว้ารางวัลใหญ่ระดับเอเชีย

          บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด ผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีรายใหญ่สัญชาติเดนมาร์กที่มียอดการผลิตสูงที่สุดในโลก ภายใต้แบรนด์ “แพนดอร่า” คว้ารับรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2018 (AREA) สาขา Social Empowerment หรือ รางวัลองค์กรดีเด่นด้านความรับผิดชอบต่อสังคม สาขาส่งเสริมพลังทางสังคม ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์กรเอ็นเตอร์ไพรส์เอเชีย Enterprise Asia เพื่อมอบให้แก่บริษัทหรือองค์กรที่โดดเด่นในด้านการพัฒนาทางสังคมอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมมะนิลาแมริออท ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมี มร. นีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสด้านการผลิตและกรรมการผู้จัดการเป็นตัวแทนรับมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้

       มร.นีลส์เผยว่าแพนดอร่าได้รับรางวัลนี้จากโครงการ“เติมฝันเพื่อวันใส แด่น้องผู้ห่างไกลในชนบท” ซึ่งเป็นโครงการสร้างอาคารเรียนที่เน้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน ศิษย์เก่า และชุมชน นอกเหนือไปจากเงินสนับสนุนจากบริษัท โดยพนักงานเสนอโรงเรียนที่ขาดแคลนในท้องถิ่นห่างไกลที่ตนเคยเรียน มีคณะกรรมการจากหลากหลายแผนกทำหน้าที่คัดเลือก สำรวจ และตัดสิน บริษัทมอบเงิน 1 ล้านบาทให้ชุมชนและศิษย์เก่าช่วยกันก่อสร้างอาคารเพื่อกระจายรายได้ในชุมชนและสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ อีกทั้งเพื่อนพนักงานกว่า 13,200 ร่วมกันบริจาคเงินสมทบและโหวตว่าจะใช้เงินนี้ทำประโยชน์อะไรให้โรงเรียน จนถึงวันนี้ชาวแพนดอร่าได้ช่วยเหลือโรงเรียนในชนบทแล้วกว่า 12 แห่งทั่วประเทศไทย มีเด็กๆ ได้รับประโยชน์แล้วกว่า 7,000 คน

      "ผมรู้สึกภูมิใจมากที่แพนดอร่าได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการศึกษาอันเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศไทย ซึ่งแพนดอร่าได้ตั้งฐานการผลิตมาอย่างยาวนาน รางวัลระดับเอเชียนี้ช่วยตอกย้ำความสำเร็จของโครงการที่แพนดอร่าได้มุ่งมั่นตั้งใจทำมาตลอด 12 ปี”รองประธานอาวุโสสายการผลิต แพนดอร่ากล่าวทิ้งท้าย

      สำหรับมร. นีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสสายงานการผลิตและกรรมการผู้จัดการ รับผิดชอบงานด้านการผลิตของบริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น(ประเทศไทย) จำกัด  อันประกอบไปด้วยโรงงานผลิต 7 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี หรือเจมโมโปลิส กรุงเทพฯ  มีประสบการณ์ในธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคชั้นนำกว่า 20 ปี ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ เอเชีย ออสเตรเลีย และยุโรป จบการศึกษาระดับปริญญาโท 2 ใบสาขาวิศวกรรมเครื่องกล และ วิศวกรรมการผลิต จากสถาบัน École Polytechnique Fédérale de Lausanne ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ Chalmers University of Technology ประเทศสวีเดน ทั้งยังมีความสามารถในการสนทนาภาษาต่าง ๆ อาทิ ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาโปรตุเกส และ ภาษาไทย

                   

                                       

 กว่าจะถึงวันนี้ของ“แพนดอร่า”

            ปี 2525 เพียร์ อีนีโวลด์เซ่น ช่างเครื่องประดับชาวเดนมาร์กและภรรยาได้เริ่มต้นการพัฒนาแบรนด์เครื่องประดับชั้นนำของโลก ช่วงแรกนั้นทั้งสองคนมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะนำเสนอเครื่องประดับฝีมือคุณภาพสูงรูปแบบทันสมัยในราคาที่สามารถครอบครองได้ให้แก่ผู้หญิง ความมุ่งมั่นดังกล่าวได้นำทั้งคู่มายังประเทศไทยที่ซึ่งทั้งสองได้พบกับแหล่งวัตถุดิบและอัญมณีมีค่าต่าง ๆ อีกทั้งยังได้พบกับช่างเครื่องประดับที่มีทั้งฝีมืออและความเชี่ยวชาญ

          ปี 2543-47 แนวคิดผลิตสร้อยข้อมือชาร์มที่ผู้หญิงทุกคนสามารถสร้างสรรค์เครื่องประดับในรูปแบบของตนเองเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของช่วงเวลาที่น่าจดจำ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นภายใต้ชื่อ“โมเม้นต์”(Moment) ซึ่งเป็นชื่อแรกของคอลเลคชั่นสร้อยข้อมือชาร์มสุดคลาสสิคและได้แจ้งเกิดให้กับแบรนด์แพนดอร่าในเวทีนานาชาติ 

         ปี 2548-53 เป็นช่วงที่แพนดอร่าได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัทได้สร้างภาพลักษณ์ทีี่แข็งแกร่งในระดับโลกและได้เข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้แก่ สหราชอาณาจักรและสเปน อีกทั้งยังได้เปิดร้านคอนเซปต์สโตว์แห่งแรกทีี่เมืองฮัมบูรก ประเทศเยอรมนีในปี 2549 และชปีต่อ ๆ มาแพนดอร่าได้เข้าเป็นเจ้าของกิจการผู้จัดจำหน่ายในตลาดที่สำคัญและเปิดโรงงานผลิตขนาดใหญ่ขึ้นภายในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ โดยในปี 2553 แพนดอร่าได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค(NASDAQ) กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

        ปี 2554-ปัจจุบัน แพนดอร่าได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้หญิงกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีผู้ติดตามในเฟสบุ๊คกว่า 16 ล้านรายชื่อและมีสมาชิกแพนดอร่าคลับกว่า 7.9 แสนคน ปัจจุบันเครื่องประดับของแพนดอร่ามีวางขายผ่านจุดจำหน่ายกว่า 7,800 จุดทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้เป็นร้านคอนเซ๊ปต์สโตว์ที่จำหน่ายเฉพาะเครื่องประดิบของแพนดอร่ากว่า 2,400 แห่ง มีเพื่อนร่วมงานทั่วดลกกว่า 27,300 คน โดยมีพนักงานที่ฐานการผลิตในประเทศไทยกว่า 13,200 คน

         อย่างไรก็ตามในปี 2556 แพนดอร่าประเทศไทยได้จัดตั้งศูนนย์นวัตกรรม(Innovation Center) ซึ่งนับว่าเป็นศูนย์นวัตกรรมเครื่องประดับอัญมณีแห่งแรกของภูมิภาคอาเซียนและมีฐานการผลิตในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว โดยมี 2 แห่งคือนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯและนิคมสหพัฒน์ จ.ลำพูน