ข่าว

น้องสาวเชื่อพี่ชาย CEO ถูกวางยา เร่งหาความจริง

น้องสาวของ ต้น CEO หนุ่ม เข้าพบผกก.เพื่อหาความจริงหลังพี่ชายดับปริศนาเชื่อถูกวางยา คาดปมเชื่อมโยงเหตุการณ์ถูกลอบยิง

จากกรณีน้องสาวของนายพิชิต กลีบจินดา หรือต้น อายุ 44 ปี  เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เข้าร้องเรียนทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หลังสงสัยว่าพี่ชายที่เสียชีวิตเมื่อกลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมา อาจถูกฆาตกรรม เนื่องจากสภาพศพพี่ชายมีใบหน้าเขียวคล้ำ มือหงิกงอ น้ำตาไหลเป็นสายเลือด และแพทย์ลงความเห็นสาเหตุการตายไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันพี่ชายยังเคยถูกลอบยิงในพื้นที่รับผิดชอบ สน.วังทองหลาง และคดีนี้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้

.

ล่าสุดนางสาวณัฐปภัษร์ น้องสาวของนายพิชิต ได้เดินทางมาติดต่อเพื่อให้ข้อมูลทางคดีกับทาง ตำรวจ สน.วังทองหลาง โดยถือรูปภาพหน้าศพของนายพิชิตและอัฐิกระดูกมาด้วย ก่อนเปิดเผยว่า วันนี้ที่เดินทางเอาอัฐิมาให้ตำรวจ ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตามคดีให้ เผื่อทางทีมนิติเวชหรือแพทย์ที่ชันสูตรจะมีวิธีใหม่ ๆ ในการตรวจหายาที่ตกค้างในกระดูกได้ เพราะสภาพศพพี่ชายอย่างที่เห็น มันดำมาก คาดว่าจะต้องมีสารอะไรที่หลงเหลืออยู่บ้าง แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเป็นเดือนแล้ว 

 

ซึ่งก่อนจะเดินทางมาที่โรงพัก ก็ได้จุดธูปบอกพี่ชายว่า “ขอให้ช่วยเจด้วย ช่วยพิสูจน์ความจริงด้วย ถ้าพี่ต้นตายด้วยสาเหตุธรรมชาติ ก็ขอให้บอกมาเลย บอกทุกคน บอกนักข่าว บอกตำรวจ บอกศาล”

 

รูปอัฐิพี่ต้น CEO นางสาวณัฐปภัษร์ เปิดเผยว่า ตนยังมีความเชื่อว่าพี่ชาย ถูกวางยา แต่ขอให้ตำรวจเป็นคนรายงานผลว่าใครเป็นคนทำดีกว่า ขอไม่ระบุชื่อ จึงต้องรอผลของการสืบสวนสอบสวนที่จะเป็นผู้ไขคดี ส่วนสาเหตุที่ออกมาเคลื่อนไหว ก็เพราะติดใจสาเหตุการตาย โดยยอมรับว่าก่อนหน้านี้พ่อกับแม่ไม่ได้ผ่าชันสูตร ซึ่งเธอเคารพการตัดสินใจตรงนั้น แต่ในความรู้สึกส่วนตัว ที่ผ่านมาเธอฟังเสียงพ่อโทรมาร้องไห้ตลอดทุกวัน บางทีแม่ก็จุดธูปไหว้หน้าศพ ก็ร้องไห้หนัก เธอทนดูไม่ได้ จนต้องวิ่งหาทนายสักคน เพื่อเอามาช่วยทำคดี จนกระทั่งมาเจอทนายเดชา

น้องสาว เข้าพบ ผกก. เมื่อถามว่าทางภรรยาของนายพิชิตตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่เธอออกมาเรียกร้อง เพราะต้องการเงินหรือไม่นั้น ? 

 

นางสาวณัฐปภัษร์ บอกว่า เธอคิดว่าการตายของพี่ชายมีเงื่อนงำแน่นอน แต่จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยทะเลาะกับฝั่งของพี่ชายจริง เธอเคยไปทำงานร้านพี่ชาย ก่อนจะมีเรื่องกัน และเชื่อว่าก็อาจจะเกิดจากการไม่ชอบเธอเป็นการส่วนตัวด้วย จนบีบเธอให้ออกมาจากร้าน ซึ่งทำงานมา 23 วัน ไม่ได้เงินสักบาท พร้อมอยากถามว่า ”พี่ต้นไม่อยู่ใครเป็นคนเลี้ยงพ่อแม่เขา เมียเขาหรอ หลังเลิกรากันไป 1 ปี เมียเขาก็ไปมีแฟนใหม่ เขาจะจ่ายจะเลี้ยงดูพ่อแม่เราไหม“  จึงหวังว่าวันนี้จะรู้ผลการตายว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เส้นเลือดในสมองแตกตามที่เขาบอกจริงหรือไม่ เพราะใบชันสูตรไม่ได้ระบุอย่างนั้น ยืนยัน “ไม่ได้มองเรื่องทรัพย์สิน แต่มองเรื่องเอกสารและสาเหตุการตาย” โดยอยากให้มองว่าการตายของพี่ชายใครจะได้ประโยชน์มากที่สุด

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้เป็นห่วงแม่ที่ยังอยู่บ้านของพี่ชาย เนื่องจากกลัวว่าคนอื่นเข้ามาในบ้าน หากวันไหนแม่อยู่คนเดียว แล้วมีคนเข้ามา ก็เกรงจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากอีกฝ่ายมีพฤติกรรมข่มขู่ กลัวว่าจะต้องเสียแม่ไปอีกคน วันนี้น้องสะใภ้จึงจะมารับแม่ไปอยู่ด้วย 

 

ส่วนวันงานศพที่ไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะคับแค้นใจ แต่เธอได้จุดธูปแช่งในวันนั้น แช่งคนที่ทำกับพี่ชาย และยืนยันกับตัวเองว่าต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ ทั้งคนที่จ้างวานและคนที่วางยา ทำให้พี่ชายต้องร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด และยังมีพฤติกรรมข่มขู่พ่อแม่ 

 

ส่วนเหตุการณ์ในวันที่ 8 เมษายน 2567 จะเชื่อมโยงกันหรือไม่ อยู่ระหว่างขอข้อมูลจากทางตำรวจ ว่าพี่ชายได้คุยกับใครบ้าง หรือมีความแค้นกับใครในตอนนั้นถึงออกมาแล้วถูกยิง และมันจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ โดยในวันนั้นภรรยาเขานัดไปคุยเรื่องหย่า 

ด้านพ.ต.อ. เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง ระบุถึงกรณีนี้ว่า เบื้องต้นในส่วนของคดีพยายามฆ่าในพื้นพื้นที่ของ สน.วังทองหลาง หลังจากได้รับแจ้งความจากผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ทางตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.วังทองหลาง มีการรวบรวมพยานหลักฐาน และลงพื้นที่หาข้อมูลตามคำให้การของผู้ตาย ณ ขณะนั้น จนตอนนี้สามารถระบุตัวบุคคลที่ก่อเหตุทั้งสองคนได้เป็นที่เรียบร้อย อยู่ในขั้นตอนการออกหมายจับและติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองคน ซึ่งหากได้ตัวผู้ก่อเหตุจะสามารถขยายผลไปในประเด็นต่าง ๆ  ที่ตำรวจตั้งไว้ได้ ว่ามีการจ้างวานจากบุคคลอื่นหรือไม่ หรือประเด็นในการก่อเหตุมาจากประเด็นใด เพราะผู้ตายมีการให้ข้อมูลกับทางตำรวจถึงความขัดแย้งในหลายประเด็น ซึ่งตำรวจวังทองหลางไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ต้องเร่งรัดในการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองมาเพื่อการขยายผลก่อน ในวันนี้จึงเดินทางมาเพื่อพูดคุยกับทางน้องสาวผู้เสียชีวิต 

ข่าวยอดนิยม