ข่าว

พล.ต.ต.ไพโรจน์ จวกสำนวนคดี 'มินนี่' หลุด หวังดิสเครดิต ยันไม่เกี่ยวเว็บพนัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'นายกสมาคมพนักงานสอบสวน' แจงหลังตกเป็นผู้กล่าวหาโยงคดี แก๊งมินนี่ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์ ตั้งข้อสังเกตสำนวนคดีหลุด เผยแพร่สื่อ เจตนาหวังดิสเครดิต

19 ก.พ. 2567  ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจีรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน แถลงกรณีปรากฎข่าวรายละเอียดสำนวนการสอบสวนคดีเว็บพนัน เครือข่าย น.ส.ธันยนันท์ หรือ มินนี่ ที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนฟ้องให้อัยการและมีรายละเอียดพาดพิงการดำเนิน 5 นายตำรวจ ว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ขยายผลพบพยานหลักฐาน และผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ ผู้ต้องหาข้างต้นในคดีเพิ่มเติม จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีข้าราชการตำรวจอีก 5 นาย

 

โดย พล.ต.ต.ไพโรจน์ ระบุว่า กรณีที่ปรากฎข่าวที่ออกไปว่า มีการสั่งฟ้อง รวมถึงข้อมูลรายงานข่าวว่าดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 5 นาย มองว่า สื่อจะไม่สามารถรู้ได้หากพนักงานสอบสวนไม่ได้ปล่อยออกข้อมูลออกมา และเมื่อข่าวออกไปจากใครไม่รู้ ตนเชื่อว่า มาจากคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน แน่นอน  และก่อนหน้านี้ที่สื่อจะนำเสนอ ก็มีหนังสือฉบับนั้นออกมาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีเอี่ยว แชร์ในสื่อออนไลน์จำนวนมาก แต่ไม่มีใครกล้าลง ทำให้ประชาชนเข้าถึงโดยไม่ได้ตรวจสอบ ตนไม่ได้โทษสื่อมวลชน แต่ตั้งคำถามว่า ความลับทางราชการ มีเรื่องของจรรยาบรรณตำรวจปรากฎอยู่ ที่ระบุว่า ข้าราชการตำรวจต้องรักษาความลับของทางราชการและความลับในการปฏิบัติหน้าที่ฯ ซึ่งจะนำข้อมูลมาเปิดเผยไม่ได้
 

พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจีรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน

 

 

ทั้งนี้ ตามจริยธรรมตำรวจ เมื่อมีการปล่อยข้อมูลออกไปทำให้ตนเองเสียหายในสิทธิและเสรีภาพ ทำให้ชื่อเสียงเสียงหาย และคดีนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมีเป็นร้อยคน การทำความเห็นต้องทำเป็นรูปคณะกรรมการ เพราะคนทำความเห็นต้องรับผิดชอบ เพราะหากใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเช่นกัน ดังนั้นการที่ตนออกมาเพื่อเรียกร้องว่า เมื่อพนักงานสอบสวนเห็นอะไรที่มิชอบ จะต้องกล้าที่จะสู้ กล้าที่จะทำความเห็นแย้งไป

   
ส่วนขั้นตอนการสอบสวน พล.ต.ต.ไพโรจน์ ชี้แจงว่าสำนวนตำรวจ 5 คน ได้ส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณา ตั้งแต่ 28 ธ.ค. 2566 และ ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการตั้งเรื่องไต่สวน แต่เมื่อมีการนำเสนอข่าวออกไปแล้ว อาจจะทำให้คนเชื่อว่า พล.ต.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกแจ้งข้อหาผิดไปแล้ว ตนอยากจะชี้แจงว่า ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นของ ป.ป.ช. และยังไม่ถือว่ามีความผิด เพราะยังไม่มีการชี้มูล  และขณะนี้ ป.ป.ช. ก็ยังไม่ได้ส่งเรื่องคืนมาที่พนักงานสอบสวน ทำให้คณะพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจเรียกใครไปแจ้งข้อหา ไม่มีอำนาจเรียกใครไปสอบสวน  เพราะตามกฎหมายพนักงานสอบสวนหมดอำนาจการสอบสวนแล้ว

 

ส่วนกรณีของ ตำรวจ 8 นาย ที่ถูกกล่าวหาในคดีมินนี่ พนักงานสอบสวน ก็หมดอำนาจสอบสวนแล้วเช่นกัน เพราะสำนวนส่งให้อัยการแล้ว จะสอบได้ก็ต่อเมื่อพนักงานอัยการสั่งให้สอบเพิ่มเติม  และมองว่า พนักงานสอบสวนจะเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สอบได้ คือ พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวน เป็นการสอบเพิ่มเติมในฐานะพยาน ตนจึงอยากจะถามคณะพนักงานสอบสวนด้วย ว่า เห็นหนังสือการสั่งสอบเพิ่มเติมหรือยัง แล้วช่วยทำให้สำนวนสอบเพิ่มเติมเสร็จสิ้นโดยไว เพราะอยากให้เป็นไปในรูปของกระบวนการยุติธรรมด้วย

พล.ต.ต.ไพโรจน์ ยังได้ชี้แจงถึงกรณีรับเงินจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดือนละ 50,000 บาท ในฐานะที่ปรึกษานั้น เป็นการให้เงินไปทำงาน และตามรายชื่อผู้ถูกกล่าวหา ได้รับเงินจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ให้เงินไปทำงาน แล้วเหตุใดไปชี้ว่า ตนเองผิด ทั้งที่อีกคนรับเงินเหมือนกันแต่ไม่ผิด ทั้งนี้จึงมองว่า เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ 
  

และหากดูรายงานการสอบสวน และคำสั่งสอบเพิ่มเติม จะทำให้เห็นว่า สำนวนนี้บกพร่องและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างไร เพราะสิ่งที่อัยการสั่งสอบเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนไม่นำมาพิจารณา และไม่สอบเพิ่มเติมเข้าไป แต่ไปทำสำนวนส่ง ป.ป.ช. ซึ่งส่วนตัวจึงมองว่า เป็นการทำให้เห็นว่า มีธง ต้องการดิสเครดิต และใช้อำนาจตามกฎหมายที่มิชอบ

 

ดังนั้นสิ่งที่ตนจะดำเนินการหลังจากนี้ เนื่องจากตนถูกสังคมตราหน้าว่าถูกดำเนินคดีแจ้งข้อหาไปแล้วด้วยคือ จะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธาน ก.ตร. ให้ตรวจสอบการทำงานของคณะพนักงานสอบสวน และตรวจสอบว่าหนังสือสำนวนหลุดมาได้อย่างไร หลุดมาจากใคร และทำออกมาเผยแพร่เพื่ออะไร

 

และในวันพรุ่งนี้ 10.00 น.จะไปยื่น ป.ป.ช. เรียกรายงานการสอบสวนเพิ่มเติมมาดู ว่าทำไมพนักงานสอบสวนถึงไม่ทำ   รวมถึงหลังจากนี้จะใช้สิทธิทางกฎหมาย ในการฟ้องกลับ คณะพนักงานสอบสวนด้วย เพราะไม่ใช่ว่าจะเป็นการเอามาดิสเครดิตคนบางคน ที่เป็นเหมือนเกมการเมืองมากกว่า การทำสำนวนการสอบสวน


 
พล.ต.ต.ไพโรจน์ ยังบอกอีกว่า ที่ตนเองมั่นใจว่าเป็นพนักงานสอบสวนเป็นคนปล่อยสำนวนนั้น เพราะเห็นบันทึกข้อความ เป็นบันทึกข้อความที่เสนอหัวหน้าพนักงานสอบสวน จึงเป็นการหลุดมาจากพนักงานสอบสวนแน่นอน ส่วนมีเจตนาปล่อยหรือไม่นั้น มองว่า กฎหมายไม่ได้ซับซ้อน แล้วที่ปล่อยมาช่วงนี้ ก็มองว่าอาจจะต้องมีการเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปสอบในฐานะพยาน เพราะเชื่อว่าอัยการสั่งให้สอบ แต่จะเรียกไปสอบยังไงให้มีข่าว ให้เป็นประเด็น และเชื่อว่า เป็นการต้องการดิสเครดิต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 

 

ส่วนกรณีที่ สอท. จะเรียก  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปสอบปากคำวันพรุ่งนี้นั้น ใช้อำนาจอะไรเรียกไปสอบ เรียกไปในฐานะอะไร เรียกเพราะอะไร เรียกเพราะอัยการสั่งสอบหรือไม่ ต้องชี้แจงให้ชัด ตนเชื่อว่า เป็นเพราะพนักงานอัยการสั่งให้เรียกสอบ และนี่ก็เป็นข้อบกพร่องที่ทำไมไม่เรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สอบตั้งแต่แรก ต้องให้อัยการสั่ง


พล.ต.ต.ไพโรจน์ ยอมรับว่าด้วยว่า มีตำรวจในคณะพนักงานสอบสวน โทรไปให้ 1ใน 8 ตำรวจที่ถูกดำเนินคดีกลับคำให้การ ตามที่มีปรากฎเป็นคลิปหลุดออก แต่กับตนเองไม่เคยมีใครติดต่อมา  และมองว่าที่ทำแบบนั้น คงเพราะไม่รู้จะหาอะไรมาเป็นพยานแล้ว และบ่งบอกถึงความไม่สุจริตในการสอบสวน 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ