ข่าว

รวบหัวหน้า 'แก๊งรูดปื๊ด' บัตรนทท.ต่างชาติ โยง อาเหว่ย บอสใหญ่คอลเซ็นเตอร์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สืบนครบาล" บุกรวบ "ฤทธิ์" หัวหน้าแก๊งรูดบัตรเครดิต นักท่องเที่ยวต่างชาติ ใน 1 เดือนเสียหายเกือบ 8 ล้านบาท พบประวัติเคยเปิด Hostel ,นายหน้าที่ดิน ขายรถมือ 2 ก่อนเจอพิษโควิด ธุรกิจเจ๊งปิดกิจการ ก่อนรู้จัก อาเหว่ย บอสใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์

20 ม.ค. 2567 จากการสอบสวนขยายผลการจับกุม แก๊งล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวต่างชาติภายในวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามีการนำบัตรเครดิตของเหยื่อที่ลักมาไปรูดใช้งาน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  แกะรอยจนทราบหัวหน้าขบวนการ และวางแผนเข้าจับกุม 

 

โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และชุด PCT5 จับกุมตัวผู้ต้องหา 3  คน ขณะอยู่ในห้องพักโรงแรมย่านรัชดา แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ  ผู้ต้องหาคือ

1.นายวรงค์ฤทธิ์  หรือฤทธิ์ อายุ 46 ปี  หัวหน้าแก๊ง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.420/2566 ลงวันที่ 24 ต.ค. 2566 ข้อหา  "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาติ และพยายามส่งของต้องห้ามออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น" 

2. น.ส.จิราภา  อายุ 39 ปี 

3. น.ส.มนัสนันท์ อายุ 44 ปี 

 

       

ตร.บุกรวบหัวหน้าแก๊งรูดบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 


โดยทั้ง 3 คนถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแจ้งข้อหาว่า "ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือ เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือ เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย"

 

พร้อมยึดของกลาง เป็น ยาไอซ์ 3 ถุง จำนวนทั้งสิ้น 4.6 กรัม , เครื่องรูดบัตรเครดิต จำนวน 4 เครื่อง ,สลิปการใช้บัตรเครดิต จำนวน 30 ใบ ,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง (พบข้อมูลการนัดหมายรูดบัตรกับกลุ่มผู้ขโมยบัตรจำนวนมาก)  ,สมุดจดบันทึก จำนวน 2 เล่ม (พบข้อมูลผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย) , ม้วนกระดาษสลิปโอนเงิน จำนวน 1 ม้วน
       
         

 

ตร.บุกรวบหัวหน้าแก๊งรูดบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิเคราะห์จากพฤติการณ์ของ แก๊งล้วงกระเป๋า ลักบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และนำบัตรเครดิตของเหยื่อไปรูดสร้างความเสียหายกับนักท่องเที่ยว เป็นการทำเป็นขบวนการมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนตั้งแต่ มือขโมยบัตร เตรียมสถานที่ เตรียมเครื่องที่จะใช้รูดบัตร ปัจจุบันหลายคดีๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นครบาล พบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ  จะเป็นชาวต่างชาติสัญชาติเวียดนาม จีน โดยมีขบวนการที่เป็นคนไทย ที่อยู่เหนือกว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุนี้ 

 

พล.ต.ต.ธีรเดช  จึงนำกำลังลงพื้นที่สืบสวนโดยแกะรอยจากกลุ่มชาวจีน 3 ราย ที่ลงมือก่อเหตุขโมยบัตรเครดิตนักท่องเที่ยวภายในวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา พบพยานหลักฐานไปถึงหัวหน้าขบวนการ ในประเทศไทยคือ นายวรงค์ฤทธิ์ หรือฤทธิ์ ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าทำหน้าที่หาคน หาเครื่องรูดบัตร นำมาจากบริษัทที่จดทะเบียนขึ้นมาลอยๆ หรือนำมาจากห้างร้านทองหลายๆ แห่ง เพื่อนำมารวมกันไว้ใน เซฟเฮ้าส์ เพื่อใช้รูดบัตรให้กับขบวนการนี้โดยเฉพาะ 

 

ตร.รวบแก๊งรูดบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

 

และยังพบว่า นายวรงค์ฤทธิ์ เป็นบุคคลตามหมายจับในข้อหาพยายามส่งออกยาเสพติดไปยังประเทศเกาหลีใต้ แต่เนื่องจากตัวนายวรงค์ฤทธิ์ จะตัดตอนไม่ให้พยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัว จะไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ด้วยการตระเวนเปิดโรงแรมนอนและย้ายไปเรื่อยๆ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ

 

หลังจากเจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยกว่า 1 สัปดาห์จนได้เบาะแสว่าคนร้ายอยู่บริเวณ ซ.เสือใหญ่ จึงนำกำลังติดตามไปจนพบเซฟเฮ้าส์ที่ใช้เก็บอุปกรณ์เครื่องรูดบัตรไว้ 

 

 

ตร.บุกรวบหัวหน้าแก๊งรูดบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

 

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช  นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด สืบนครบาล และ PCT5 บุกเข้าไปตรวจสอบห้องพักของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งย่าน ซ.เสือใหญ่ แต่นายวรงค์ฤทธิ์ พยายามถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่และแอบภายในห้องน้ำเพื่อลบข้อมูลในโทรศัพท์ของตัวเอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงพังประตูเข้าไปรวบตัวในห้องน้ำได้ทันควัน และจับกุมหญิงสาวผู้ร่วมขบวนการอีก 2 รายในห้อง ตรวจยึดของกลางยาเสพติดและอุปกรณ์ใช้รูดบัตรเครดิตได้หลายรายการ

 

หลังการจับกุม ได้มีการขยายผลจนพบหลักฐานว่าขบวนการนี้ไม่เพียงแต่เป็น แก๊งขโมยรูดบัตรเครดิต ยังพบหลักฐานเตรียมฉ้อโกงธนาคารด้วยการวางแผนอย่างเป็นระบบ ด้วยการหาคนโปรโฟล์ดี มีคุณสมบัติไม่ติด เครติดบูโร และพร้อมโดนฟ้องล้มละลาย นำมาตกแต่งบัญชี เพื่อตบตาธนาคารให้ยอมปล่อยกู้ แต่หลังจากธนาคารปล่อยกู้แล้วแก๊งนี้จะใช้วิธี "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" สร้างความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก และยังเป็นขบวนการ "สวมตัวตน" ให้กับชาวต่างชาติ โดยทั้งหมดเชื่อมโยงกับ อาเหว่ย "บอสคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน"

 

 

พื้นที่ ที่คนร้ายตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

 

ในชั้นจับกุม นายวรงค์ฤทธิ์ ให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า "ก่อนเกิดเหตุ ตนเองประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว เปิดโรงแรม HOSTEL ย่านราชเทวี และเป็นนายหน้าขายที่ดินในพื้นที่กรุงเทพและต่างจังหวัด และ เป็นนายหน้าขายรถยนต์มือสองในพื้นที่ กทม. ก่อนจะประสบวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโควิด เป็นเหตุให้ธุรกิจเจ๊งและปิดตัวลง

 

จนกระทั่งช่วงปลายเดือน พ.ย.2566 ที่ผ่านมา มีโอกาสรู้จักกับ "อาเหว่ย" สัญชาติจีน บอสใหญ่คอลเซ็นเตอร์ โดยอาเหว่ยให้ตนเป็นคนประสาน ติดต่อ และจัดหาเครื่องรูดบัตรเครดิตจากร้านค้าทั่วไปให้แก่อาเหว่ย ซึ่งมีเพื่อนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินทางมาเที่ยวในไทย อยากจะเปลี่ยนวงเงินในบัตรเครดิตที่ถืออยู่ให้เป็นเงินสด โดยผ่านจากเครื่องรูดบัตร เพื่อใช้ในระหว่างที่เดินทางมาเที่ยวในไทย

 

โดยอาเหว่ยตกลงจะให้ค่าตอบแทนร้อยละ 25-30 ของจำนวนเงินที่สามารถกดได้จากบัตร ตนจึงไปติดต่อพรรคพวกที่รู้จัก ซึ่งเป็นโรงแรม ร้านค้า ร้านประกอบการค้า ที่สามารถนำเครื่องรูดบัตรมาให้ได้ อาทิ และธุรกิจ ขอนำเครื่องรูดบัตรเครดิต มารูดเป็นสินค้าและบริหารของทางร้านภายในวงเงินที่รูดได้

 

 

สืบนครบาลรวบหัวหน้าแก๊งรูดบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

 

จากนั้นจึงจะทำการเจรจาและตกลงกับทาง เจ้าของร้านค้าและบริการ ดำเนินการคิดและหักค่าดำเนินการในการอนุญาตนำเครื่องรูดบัตรออกมาใช้โดยผิดรูปแบบและวัตถุประสงค์เป็นร้อยละ 25-30 โดยที่ผู้ต้องหาจะได้รับค่าตอบแทนประมาณร้อยละ 5-10 ของวงเงินที่สามารถรูดบัตรได้ จนกระทั่งระยะหลังเริ่มทราบว่าแท้จริงเป็นขบวนการที่นำบัตรเครดิตมาจากการขโมย โดยรวมทั้งหมดแล้วไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,600,000 – 3,000,000 บาท   

 

หลังจับกุมตัวเจ้าหน้าที่นำตัว นายวรงค์ฤทธิ์ พร้อมกับผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน พร้อมของกลางยาเสพติด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ส่วนของกลางจำพวกเครื่องรูดบัตร และอื่นๆ ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายและขยายผลต่อไป

 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ