'5 ชีวิตหายปริศนา' ส่อ โอละพ่อ บิ๊กโจ๊ก ยัน ไม่ได้ถูกอุ้ม

ความคืบหน้าคดี “5 ชีวิตหายปริศนา” นานหลายเดือน ทำให้ญาติ และ พลังโซเชียล ต่างแชร์ข้อมูลเพื่อช่วยติดตามตัว เนื่องจากเกรงว่าจะถูกอุ้ม ได้รับอันตราย แต่ดูเหมือนเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นเรื่อง “โอละพ่อ” เมื่อเบาะแสที่พบ ทั้ง 5 คน ยังใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้มีเหตุร้ายอะไร

 

 

 

 

 

โดยล่าสุด “บิ๊กโจ๊ก” รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า 5 ชีวิตหายปริศนา ไม่ได้ถูกอุ้ม หรือเกิดจากขบวนการค้ามนุษย์ แต่เป็นการพาไปเที่ยว หลังจากได้เงินจากการขายที่ดิน จำนวน 4 แสนบาท ส่วนจะมีปมขัดแย้งในครอบครัวหรือไม่ ยังไม่ขอเปิดเผย

 

              

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมความคืบหน้าการติดตาม 5 ชีวิตหายปริศนา ว่า จากการตรวจสอบ และรับฟังข้อมูลทั้งหมด ยืนยันได้ว่า คดีนี้ไม่ใช่การค้ามนุษย์ และการอุ้มตัวไป แต่เป็นการพาเยาวชนไปเที่ยว หลังจากได้เงินจากการขายที่ดิน จำนวน 4 แสนบาท ส่วนการที่พาเด็กไปนานกว่า 3 เดือน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง โดยเรื่องเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นที่ อ.ท่าศาลา และมีการพากันไปร่วมงานศพที่ อ.แม่ใจ จ.พะเยา ก่อนเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่อื่นๆ

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ อยากฝากไปถึง นางอุษา ที่มีศักดิ์เป็นป้าของเด็กๆ ขอให้พากลับมาส่งคืนผู้ปกครอง ส่วนความผิดขณะนี้ เบื้องต้นเข้าข่ายการพรากผู้เยาว์ แต่หากยังไม่นำเด็กมาคืน จะถูกดำเนินคดีหนักขึ้นกว่านี้ โดยสามารถนำเด็กมาคืนได้ที่ สถานีตำรวจพื้นที่ใกล้เคียง หรือ สภ.ทั่วประเทศ แต่ขณะนี้ ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนในคณะทำงาน ลงพื้นที่ติดตามตัวบุคคลทั้ง 5 ไปพร้อมกันด้วย โดยยืนยันว่า หากตำรวจฝ่ายสืบสวนพบตัวเด็ก ก่อนที่จะมีการนำเด็กมาคืน จะดำเนินการทางคดีอย่างหนัก

 

ทั้งนี้ จากเบาะแสของกลุ่มคนทั้ง 5 คน ที่ถูกพาไปในครั้งนี้นั้น พบว่าล่าสุด ปรากฏตัวในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด แต่ยืนยันได้ว่า ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้มีการถูกคุมขัง หรือคุมตัวแต่อย่างใด ส่วนที่มีการตั้งประเด็น ความขัดแย้งภายในครอบครัวของผู้เสียหาย หรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอให้ได้ตัวเด็กทั้งหมดกลับมาก่อน จึงจะสามารถ ชี้แจงในรายละเอียดได้อีกครั้ง

 

 

 

 

ส่วนที่ตำรวจมีการจับกุมตัว นายนพดล แสนเมืองอินทร์ คนขับรถตู้ ที่พากลุ่มบุคคลทั้ง 5 คน ไป เนื่องจากตำรวจในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีนว่า โทรศัพท์มือถือ ได้ถูกหนึ่งในกลุ่มบุคคลทั้ง 5 นำไปจากห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และมีการตรวจสอบเลขทะเบียนรถยนต์ รวมทั้ง มีการไล่วงจรปิดไปจนพบว่า ยังอยู่ในพื้นที่ อ.แม่ใจ จึงมีการเชิญตัวมาตรวจสอบประวัติ

 

 

และพบว่าตัวนายนพดล มีหมายจับในคดีฉ้อโกง แต่ในขณะนั้น ตำรวจไม่ได้มีการตรวจสอบตัวนายลมกรด หรือแบงค์ ว่ามีคดีหรือมีหมายจับหรือไม่ ทั้งที่ในข้อเท็จจริง ตัวนายลมกรด มีคดีฉ้อโกงธนาคาร มูลค่า 1.8 ล้านบาท หากตรวจสอบตั้งแต่แรก ก็จะสามารถควบคุมตัว และ ได้ตัวกลุ่มบุคคลทั้ง 5 มาตั้งแต่ต้น เพราะในวันที่มีการเชิญตัวคนขับรถตู้ไปที่ สภ.แม่ใจ ทั้ง 5 คน ก็อยู่บนรถที่สถานีตำรวจด้วยเช่นกัน