ข่าว

3 วินจยย.ตื้บแกร็บไบค์ ฉุนแย่งลูกค้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วินจยย.รุมยำหนุ่มแกร็บ ไม่พอใจแย่งลูกค้าตัดหน้า กทม.จ่อลงดาบยึดเสื้อ 3 ปี

 

               อีกแล้ว วินจยย. ยกพวกรุมทำร้ายหนุ่มแกร็บไบค์ ไม่พอใจแย่งลูกค้าตัดหน้า ตร.แจ้งผิดฐานทำร้ายร่างกาย-ปรับคนละ 1 พัน ด้าน กทม.จ่อใช้ยาแรงลงโทษ ยึดเสื้อวิน 3 ปี
 

อ่านข่าว ปรับ 3 พัน วินจยย.รุมยำแกร็บไบค์

อ่านข่าว กทม.ลงดาบ 3 วินรุมแกร็บ ยึดเสื้อวิน 3 ปี

 

               เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนโลกออนไลน์มีการเผยแพร่คลิปจากผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ Amittaa Phongsawat ซึ่งเป็นคลิปภาพเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ขับขี่แกร็บและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่บริเวณสุขุมวิท 48 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. พร้อมระบุข้อความว่า

 

               “เหตุการณ์เกิดที่คอนโดตรงซอยสุขุมวิท 48 วันนี้เรียกแกร็บไปยิมปกติ แต่วินหน้าปากซอยขับรถมาปาดรถแกร็บ ดีที่เราไม่ตกรถหรืออะไร หลังจากนั้นเบอร์ 26 ก็เริ่มตีแกร็บแล้ว มีคนมารุมอีกสามสี่คน (นี่คิดว่าจะมาห้ามเพื่อน เปล่าเลยมาช่วยเพื่อนรุม) เราคนเรียกแกร็บก็โดนลูกหลงที่หน้า อย่างนี้ได้หรอคะ ?” ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการกระทำที่ใช้ความรุนแรงป่าเถื่อน

 

               ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน ได้เรียกวินรถจักรยานยนต์รับจ้างทั้ง 3 คน และคู่กรณีรวมทั้งผู้ใช้บริการแกร็บ มาสอบปากคำที่ห้องสอบสวน ซึ่งมีเพื่อนของแกร็บที่ถูกทำร้ายร่างกายและเพื่อนวินจักรยานยนต์รับจ้างมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก โดยระหว่างที่เพื่อนของทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากัน ก็มีการด่าทอกันเล็กน้อยก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเข้าไปพบตำรวจ

 

               นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้บริการที่เจอเหตุการณ์แบบนี้มาแจ้งความที่ สน.คลองตัน พร้อมระบุว่าอยู่คอนโดเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์นี้ เป็นลักษณะคล้ายกัน คือวินรถจักรยานยนต์รับจ้างจะขับรถตัดหน้า ก่อนจะชี้หน้าด่าแกร็บด้วยถ้อยคำหยาบคาย

 

               ซึ่งยอมรับว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งจนทุกวันนี้จะใช้บริการแกร็บอย่างเดียว แม้จะมีวินรถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่หน้าคอนโดแต่จะไม่ใช้บริการ เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย เนื่องจากวินรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณดังกล่าวชอบขับรถโฉบไปมา บางครั้งก็ฝ่าไฟแดง และยิ่งไปกว่านั้นมีกลิ่นสุราด้วย

 

               เวลา 13.00 น. วันเดียวกัน นายทัศดา ฝักฝ้าย อายุ 27 ปี ชาว จ.สระบุรี อาชีพขับแกร็บไบค์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ปรีดา มะเดื่อ สารวัตร (สอบสวน) สน.คลองตัน พร้อมหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ความยาว 7 วินาที เพื่อแจ้งความร้องทุกข์หลังถูกกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง 3 คน ทำร้ายร่างกาย โดยมีเพื่อนร่วมอาชีพมาให้กำลังใจกว่า 30 คน

 

               อย่างไรก็ตามสำหรับคลิปวิดีโอดังกล่าว น.ส.อมิตา เข้าใจการ อายุ 25 ปี อาชีพพนักงานไอที บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้โดยสารมากับแกร็บไบค์ เป็นผู้ถ่ายไว้ได้ขณะเกิดเหตุแล้วนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียจนมีการแชร์และวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขว้าง ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่าได้เรียกใช้แกร็บไบค์ผ่านโทรศัพท์มือถือเมื่อเวลา 09.00 น. มารับบริเวณจุดเกิดเหตุ เมื่อกำลังนั่งซ้อนท้ายได้มีชาย 1 คน อาชีพวินรถจักรยานยนต์รับจ้างขับมาปาดหน้า แล้วลงมือทำร้ายร่างกายชายขับแกร็บไบค์ ซึ่งตนถูกลูกหลงต่อยเข้าคิ้วขวาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

 

               “ขอยันยืนว่าฝ่ายหนูกับพี่แกร็บไบค์ไม่ได้ไปหาเรื่องหรือด่าทอก่อน ดังนั้นหนูจึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เกรงว่าอนาคตข้างหน้าจะได้รับอันตราย เนื่องจากรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะพักอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว” น.ส.อมิตา กล่าว

 

               จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เรียกวินจักรยานยนต์รับจ้างทั้ง 3 คนมาสอบปากคำ ประกอบด้วย 1.นายชวลิต หรือ เก่ง แสงสุวรรณ อายุ 44 ปี เบอร์ 26 2.นายดอกรัก หรือ รัก คำนึง อายุ 37 ปี เบอร์ 7 และ 3.นายธนากร หรือ นอง คำนึง อายุ 59 ปี เบอร์ 6 โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนหลบออกไปทางด้านหลัง สน.คลองตัน เมื่อกลุ่มที่มาให้กำลังใจแกร็บไบค์รู้ต่างลุกฮือจะทำร้ายร่างกาย แต่ฝั่งวินรถจักรยานยนต์รับจ้างปืนกำแพงหนีขึ้นแท็กซี่ไปได้อย่างหวุดหวิด

 

               สอบถามนายทัศดา กล่าวว่า รับผู้โดยสารตามปกติ จู่ๆ ก็มีวินมอเตอร์ไซค์ ไม่ทราบเบอร์ 1 คนขับรถจักรยานยนต์มาปาดหน้าแล้วถามว่า “แกร็บหรอ” ทำให้มีปากเสียงกันจนมีเรื่องชกต่อยดังกล่าว จากนั้นมีวินอีก 2 คนมารุมทำร้าย ซึ่งยอมรับว่าตนก็สู้แต่สู้ไม่ไหวกระทั่งมีชาวบ้านเข้ามาช่วยไว้ ก่อนจะเข้ามาแจ้งความว่าถูกทำร้ายร่างกาย โดยได้รับบาดเจ็บรอยฟกช้ำขีดข่วน แก้มซ้าย ศีรษะ แผ่นหลัง และบริเวณนิ้วก้อยมีแผลเลือดออก เบื้องต้นคู่กรณีได้ขอโทษพร้อมเปรียบเทียบปรับตามคดีและจะเยียวยาค่ารักษาพยาบาล หลังจากนี้ก็ไม่ติดใจขอให้เรื่องจบลงเพียงเท่านี้

 

               ด้าน พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ ผกก.สน.คลองตัน กล่าวถึงคดีความที่เกิดขึ้นว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับคนละ 1,000 บาท และยินยอมที่จะชดใช้ค่าการรักษาพยาบาลผู้เสียหาย แล้วจับมือขอโทษซึ่งกันและกัน และแยกย้ายกันไป

 

               ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานจาก สน.คลองตัน แล้ว ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจคู่กรณีที่แกร็บไบค์รับลูกค้าตัดหน้า ก่อนถูกแจ้งข้อหาและเปรียบเทียบปรับไปแล้ว อย่างไรก็ตามการขับแกร็บไบค์เป็นการนำรถส่วนบุคคลมาให้บริการลักษณะรับจ้าง ใช้รถผิดประเภท ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 23/1 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และในกรณีผู้ขับขี่รถไม่มีใบขับขี่สาธารณะ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ 

 

               ซึ่งตำรวจมีการกวดขันจับกุมมาโดยตลอด แต่การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจะด้วยเหตุที่ไม่พอใจรับลูกค้าตัดหน้าหรือมาแย่งลูกค้าของกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ ย่อมเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ควรหลีกเลี่ยงการกระทำนั้น แล้วไปพัฒนาการให้บริการต่อประชาชน ผู้รับบริการ ในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย จนได้รับการยอมรับและไว้วางใจดีกว่า

 

               ทั้งนี้ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า กทม.ได้สั่งให้สำนักงานเขตคลองเตยตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 3 ราย เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะสมาชิกวินปากซอยสุขุมวิท 48 ได้ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นวิธีการแก้ไขที่ไม่ถูกต้อง กทม.จึงเสนอให้ใช้มาตรการยึดเสื้อวินต่อผู้ก่อเหตุเนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่เข้าข่ายความประพฤติไม่เหมาะสมตามข้อ 13 แห่งประกาศคณะกรรมการประจำกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดสถานที่ตั้งวินและหลักเกณฑ์การออกหนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2563 

 

               “วันที่ 3 มีนาคม เวลา 09.00 น. กทม.จะเชิญคณะอนุกรรมการ 4 ฝ่ายประจำพื้นที่เขตคลองเตย ร่วมประชุม ที่ฝ่ายเทศกิจ ชั้น 3 สำนักงานเขตคลองเตย เพื่อดำเนินการสอบสวนและพิจารณาการลงโทษผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย ตามมาตรการยึดเสื้อวินต่อไป อย่างไรก็ตาม กทม.เข้าใจดีถึงปัญหาระหว่างผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะกับผู้ให้บริการรับผู้โดยสารเอกชน ซึ่งกรมการขนส่งทางบกกำลังหาทางออกร่วมกันสำหรับทุกฝ่าย” โฆษก กทม. กล่าว

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ