ตั้งทีมไล่ล่าโจรโหด ชิงทองยิงสลด 3 ศพ

       จากเหตุการณ์อุกอาจสะเทือนขวัญที่คนร้ายเป็นชาย สวมชุดพรางและใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าก่อเหตุใช้อาวุธปืนเก็บเสียงจี้ชิงร้านทองออโรร่า ภายในห้างโรบินสัน ใจกลางเมืองลพบุรี เมื่อเวลาประมาณ 20.40 น. วันที่ 9 มกราคม โดยคนร้ายใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่รปภ.และพนักงานสาวของร้านทอง รวมทั้งประชาชนที่มาซื้อของในห้างดังกล่าว จนมีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บสาหัส 4 คน ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิตมีเด็กชายอายุเพียง 2 ขวบถูกลูกหลงจนเสียชีวิตด้วย ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้คนที่มาเดินเที่ยวและจับจ่ายซื้อสินค้าในห้างจำนวนมากตามที่เสนอข่าวไปนั้น

      ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มกราคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกชิงทรัพย์ร้านทองในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี พร้อมทั้งประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทำให้เด็กเล็กต้องมารับเคราะห์จากเหตุการณ์นี้ ทั้งนี้นายกฯ ได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบหาและติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุดเพราะถือเป็นคดีที่อุกอาจ และวอนสังคมอย่าเพิ่งด่วนสรุปถึงเหตุจูงใจในการกระทำผิดจนทำให้เกิดความสับสน โดยขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ก่อน อย่างไรก็ตามหากประชาชนมีเบาะแสของคนร้ายให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบโดยด่วน นอกจากนี้ยังขอบคุณไปยังห้างสรรพสินค้าที่แสดงความจำนงจะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนหน่วยงานภาครัฐจะเข้าไปช่วยดูแลเยียวยาทุกด้าน

      ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเพิ่มเติมจาก สภ.เมืองลพบุรี ว่าจากการตรวจสอบทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปเป็นทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 26 บาท 2 สลึง มูลค่าประมาณ 6 แสนบาทเศษ โดยมียอดผู้เสียชีวิต 3 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน โดยกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้ายในความผิดฐานชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต

     ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.1, กก.สส.ภ.จว.ลพบุรี และชุดสืบสวน สภ.เมืองลพบุรี ได้ร่วมระดมกำลังปูพรมไล่ล่ากดดันในพื้นที่ พร้อมแจ้งเบาะแสข้อมูลตำหนิรูปพรรณคนร้าย รวมทั้งรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้หลบหนีให้โรงพักในพื้นที่ใกล้เคียงและภูธรจังหวัดข้างเคียง โดยตั้งจุดตรวจจุดสกัดยานพาหนะของผู้ต้องสงสัยเพื่อตรวจค้นจับกุม ทั้งนี้ขอฝากเตือนให้มอบตัวต่อเจ้าหน้าที่แต่โดยดี พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีต้องทำงานกันอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนหากมีการต่อสู้ขัดขืนและประสงค์ถึงชีวิต เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด

     พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 แจ้งว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ตั้งรางวัลให้แก่ผู้แจ้งเบาะแสของคนร้ายจนสามารถนำไปสู่การจับกุมได้ โดยจะมอบเงินรางวัล จำนวน 1 แสนบาท ทั้งนี้สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ โทร.191 หรือโทร.1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รก.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐพล ศุภระศร ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ

      พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้ขี่รถจักรยายนต์เข้ามาจอดที่บริเวณประตูหน้าห้างก่อนจะพุ่งตรงไปที่ร้านทอง ระหว่างนั้นเห็น รปภ.ยืนอยู่ที่หน้าร้านทอง คนร้ายจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่ศีรษะแต่วิถีกระสุนพลาดไปโดนหัวไหล่ คนร้ายได้หันไปยิงประชาชนที่เลือกซื้อทองอยู่ 3 คน ก่อนจะกราดยิงเข้าไปในร้านทอง ถูกพนักงานสาวล้มลงตรงหน้าเคาน์เตอร์ คนร้ายจึงปีนขึ้นไปบนตู้กระจกกวาดทองไป มูลค่าประมาณ 672,000 บาทหลบหนีไป ทั้งนี้หลังเกิดเหตุตำรวจได้กระจายกำลังออกติดตามไล่ล่าคนร้ายทันที

      อย่างไรก็ตาม ในส่วนเบาะเเสที่ได้มีเพียงภาพถ่ายของคนร้ายที่มีรูปร่างสูง ซึ่งยอมรับว่าคนร้ายมีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธ ดังนั้นจึงได้กำชับให้ทีมติดตามใช้ความระมัดระวัง เพราะมีพฤติกรรมโหดร้าย และหากคนร้ายอาจหาญต่อสู้ขัดขืนก็มีความจำเป็นต้องจับตาย ทั้งนี้ได้ระดมตำรวจทีมสืบสวนและผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานเพื่อเร่งไล่ล่าคนร้าย

      ด้านกองปราบปรามได้ประชาสัมพันธ์รับแจ้งเบาะแสเพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามคนร้ายซึ่งมีตำหนิรูปพรรณเป็นชายรูปร่างสมส่วน สูง 165-170 ซม. ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นฟีโน่ สีแดง หลบหนีออกจากห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี เวลาประมาณ 20.47 น. โดยคาดว่าจะใช้เส้นทางหลบหนี อ.หนองโดน จ.สระบุรี, อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี, อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา หากประชาชนพบเห็นหรือทราบเบาะแสคนร้ายรายนี้สามารถแจ้งหรือส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว มายังกองบังคับการปราบปรามได้ตลอด 24 ชม.

     ล่าสุดเพจ “Drama-addict” ให้ค่าหัวอีก 10,000 บาท, เพจ “ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม” 30,000 บาท, เพจ “Red Skull-addict” 10,000 บาท และผู้ใช้เฟซบุ๊ก “โรงคัดทานตะวัน ถั่วเขียว ข้าวโพด” อีก 50,000 บาท รวมทั้งพลเมืองดีร่วมลงขันตั้งรางวัลนำจับอีก 40,000 บาท รวมรางวัลนำจับทั้งของตำรวจด้วยทั้งสิ้น 2.4 แสนบาท

      ขณะที่ พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก. กล่าวว่า เท่าที่ดูจากคลิปพฤติการณ์ของคนร้ายต้องเป็นบุคคลที่ได้รับการฝึกการใช้อาวุธมาเป็นอย่างดี มีความเชี่ยวชาญ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้น่าจะเป็นอาวุธปืนสั้น รุ่น HK USP ส่วนท่อนเก็บเสียงน่าจะเป็นของแท้ที่มีใช้ในหน่วยงานราชการไม่ใช่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นมา สำหรับพฤติกรรมยังไม่เข้าข่ายการก่อการร้ายแต่เป็นการก่ออาชญากรรมที่ประสงค์ต่อทรัพย์ หรืออีกมุมมองหนึ่งอาจจะเป็นพวก Active Shooter คืออาการของคนโรคจิต ที่เข้ามาแล้วกราดยิงทุกคนที่พบเห็น อย่างไรก็ตามจะวิเคราะห์ลักษณะพฤติกรรมของคนร้ายได้ ต้องจับกุมตัวมาสอบสวน เพื่อประเมินสภาพจิตอีกครั้ง

      มีรายงานจากหน่วยทหารภายในพื้นที่ จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบในพื้นที่ค่ายทหารตั้งแต่เมื่อคืนนี้ (9ม.ค.) และหน่วยทหารพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มที่และได้ประสานงานกันตลอด

       ช่วงเช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้นำศพทั้งหมดจำนวน 3 ศพ ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ประกอบด้วย นายธีระฉัตร นิ่มมา อายุ 33 ปี รปภ.ของห้างที่เข้ามาระงับเหตุถูกยิงเข้าใบหน้า น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ อายุ 31 ปี พนักงานสาวของร้านทอง ถูกยิงที่หน้าอก และ ด.ช.ภานุวิทธญ์ วงศ์อยู่ อายุ 2 ขวบ ที่มากับมารดาโดนลูกหลงจากคนร้ายยิงเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิต โดยนำศพทั้งหมดไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ โดยช่วงบ่ายทางครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตได้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลท่ามกลางบรรยากาศเศร้าโศก

      ส่วนผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวในโรงพยาบาล ได้แก่ 1.นางสุภาวดี ชุมสนิท อายุ 44 ปี ลูกค้าร้านทอง ถูกยิงที่ท้องและแขนข้างซ้าย 2.นายยุทธการ ชุมสนิท อายุ 43 ปี สามีนางสุภาวดี ถูกยิงที่หน้าอกขวา 3.นายประเสริฐ คงสี อายุ 22 ปี ถูกยิงที่หน้าอกมีเลือดออกในปอด และ 4.น.ส.เปมิกา กลิ่นดอกแก้ว อายุ 34 ปี พนักงานสาวร้านทอง ถูกยิงที่หน้าอกขวามีเลือดออกในปอด และถูกยิงที่ขาซ้าย 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัวของ น.ส.ธิดารัตน์ พนักงานสาวร้านทองที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองลพบุรี เพื่อขอรับใบเอกสารนำไปรับศพ โดยยังอยู่ในความโศกเศร้าพร้อมกับขอให้ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว โดยนางพัชราภรณ์ ทองทิพย์ มารดา กล่าวว่า คนร้ายโหดเหี้ยมเกินไปเห็นว่าสมควรหากมีความจำเป็นที่จะต้องจับตาย ยอมรับว่าสะเทือนใจมาก และไม่กล้าที่จะดูคลิปที่ลูกถูกยิง 

      “ลูกชายเขา 4 ขวบ เป็นโรคหัวใจตั้งแต่เด็ก ร้องหาแม่ บอกว่าแม่ไปสวรรค์แล้ว ลูกก็บอกไม่อยากให้แม่ไปสวรรค์ อยากให้แม่อยู่ คนร้ายจิตใจมันเหลือเกิน” นางพัชราภรณ์กล่าว และว่า สามีผู้ตายเมื่อทราบข่าวก็ช็อกจนต้องเข้าโรงพยาบาล

    ด้าน ร.อ.สุรกิต ทองทิพย์ พ่อของ น.ส.ธิดารัตน์ กล่าวว่า คนร้ายต้องเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืนเพราะจากวิถีกระสุนที่ยิงเข้าตัวลูกสาวบริเวณหน้าอก 4 นัด พบกระสุนปืนเกาะกลุ่มไม่กระจัดกระจาย อีกทั้งอาวุธปืนและกระบอกเก็บเสียงที่คนร้ายใช้ก็บ่งบอกว่าน่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลหรือเป็นผู้ที่มีอำนาจถึงจะครอบครองอาวุธในลักษณะนี้ได้ และวอนขอให้เจ้าหน้าที่รีบจับกุมคนก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว เพราะหากยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งอันตรายกับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้เชื่อว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธไม่มีการประหารชีวิตแน่นอน แต่อยากจะให้คนร้ายได้รับโทษอย่างสูงสุด

      ขณะที่พ่อของ ด.ช.ภานุวิทธญ์ หรือน้องไทตัล ได้โพสต์ข้อความอาลัยพร้อมรูปภาพของบุตรชายที่อยู่ในวัยน่ารัก มีข้อความว่า “#RIP_ไทตัล ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง มันเร็วจริงๆ..ป๊ากับแม่แทบขาดใจ ป๊ากับแม่รักหนู ป๊ากับแม่ ขอโทษที่ปกป้องและช่วยหนูไม่ได้ ชาติหน้ามีจิงขอให้หนูเกิดมาเป็นลูกของป๊ากับแม่ทุกชาติไปน้ะคับ #หลับให้สบายน้ะครับ เทวดาตัวน้อยๆของป๊าและแม่” ทั้งนี้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความอาลัยพร้อมให้กำลังใจจำนวนมาก

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านสามี ภรรยา พร้อมด้วยลูกสาว ที่กำลังเลือกซื้อทองรูปพรรณอยู่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อนำไปจับสลากในวันตรุษจีนให้แก่พนักงานบริษัท ก่อนถูกคนร้ายกราดยิงทำให้ นายยุทธการ สามี ถูกยิงที่อกขวา และนางสุภาวดี ภรรยา ถูกยิงที่ท้องและแขนซ้าย บาดเจ็บสาหัส ส่วนลูกสาวรอดจากคมกระสุนของคนร้ายมาได้แบบเฉียดฉิว โดยนางสุภาวดี เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โฟกัสฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายไอศกรีมชื่อดังของลพบุรี “มิ้ลค์กี้ ไอซ์” ล่าสุดแพทย์ได้ผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกแล้วโดยอาการของคู่สามีภรรยาเริ่มดีขึ้นแต่ยังงดเยี่ยมและต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด

       ส่วนสามีของ น.ส.เปมิกา หนึ่งในพนักงานห้างทองที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ให้สัมภาษณ์ว่า ล่าสุดอาการของแฟนสาวยังครึ่งๆ เพราะเสียเลือดมากเนื่องจากกระสุนทะลุอกทำให้ปอดฉีกขาด แพทย์จึงต้องผ่าตัดห้ามเลือด ซึ่งเช้าวันนี้ก็อาการดีขึ้นและรู้สึกตัวแล้ว แต่ยังต้องรอดูอาการอยู่ที่ห้องไอซียู ทั้งนี้เมื่อคืนขับรถมารับแฟนตามปกติที่ห้างและรออยู่บริเวณประตู โดยตอนนั้นสังเกตเห็นว่ามีคนวิ่งเข้าออกจำนวนมากและเห็นรถร่วมกตัญญเข้ามาเป็น 10 คัน จึงรีบเดินเข้าไปพบว่าแฟนสาวถูกยิงสาหัส ตอนนั้นช็อกและตกใจมากแต่แฟนยังมีสติและพยายามสื่อสารกับตน ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล 

      “ส่วนตัวยังไม่เชื่อกับเหตุการณ์และนึกว่าฝันไป เพราะแฟนทำงานมา 3 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ เพราะไม่เหมือนกับมาชิงทองแต่เหมือนตั้งใจมาฆ่าคนมากกว่า” สามีของ น.ส.เปมิกากล่าว

      วันเดียวกัน สมาคมค้าทองคำ ได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อการก่อเหตุดังกล่าว อันถือเป็นการกระทำที่โหดร้าย ป่าเถื่อน ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ทั้งนี้ สมาคมฯ ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขอเป็นกำลังใจให้แก่ครอบครัวของผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม และขอให้รัฐบาลได้โปรดให้ความช่วยเหลือและเยียวยาแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็วและทั่วถึง พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ร้านค้าทองคำทั่วประเทศต่อไป

       ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Robinson Department Store ได้โพสต์ระบุว่า จากเหตุการณ์คนร้ายชิงทรัพย์ร้านทอง ณ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ลพบุรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ บริษัท ขอร่วมเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยจะดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ในการติดตามสอบสวนต่อไป

     ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในประเทศเราไม่เคยมีเรื่องโหดเหี้ยมและก้าวร้าวรุนแรงขนาดนี้ ถือเป็นการกระทำที่ทารุณโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน โดยนายประทวน สุทธิอำนวยเดช ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่เกิดเหตุ ได้มาตามเรื่องเงินเยียวยา ซึ่งครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิค่าตอบแทนเสียหาย ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมต้องการให้มีการประหารชีวิตผู้ก่อเหตุ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเมินแล้วเรื่องนี้โหดร้ายทารุณ เชื่อว่าหากคดีความถึงศาลจะตัดสินประหารชีวิต โดยขณะนี้กระทรวงยุติธรรมกำลังดำเนินการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเกี่ยวกับการจัดกรอบของคนที่อยู่ในข่ายที่ไม่สมควรได้รับการลดโทษ โดยกรมคุ้มครองการคุมประพฤติเป็นประธาน กำลังประชุมกันอยู่