ข่าว

3 สาว โร่แจ้งจับหนุ่มอ้างไฮโซ หลอกแต่งงานสูญเงินนับล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

3 สาว โร่แจ้งจับหนุ่มอ้างไฮโซ หลอกแต่งงานสูญเงินนับล้าน อ้างสนิทชนชั้นสูง-นักการเมือง หลอกขอแต่งงานก่อนปอกลอกทรัพย์สินสูญนับล้าน จนหมดตัว

         เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 มกราคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) หญิงสาวผู้เสียหาย 3 ราย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายภัควรรธน์ วัฒนานนท์ หรือ หนึ่ง อายุ 36 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่449/2562 ลงวันที่ 25 พ.ย.2562 คดีฉ้อโกง หลังมาลวงขอแต่งงาน ก่อนหลอกลวงเอาเงินและทรัพย์สินมีค่าของผู้เสียหายไปเป็นจำนวนมาก

 

         น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ผู้เสียหายรายแรก เปิดเผยว่า เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2562 นายภัควรรธน์ได้เข้ามาขอรู้จักกับตนผ่านทางโปรแกรมหาคู่ของแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ตอนแรกอ้างตัวว่าเป็นนักธุรกิจฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัข และช่างภาพอิสระ มีฐานะดี ก็เห็นว่านายภัควรรธน์มีบุคลิกดี ดูน่าเชื่อถือ ประกอบกับพูดจาดี ทำให้หลงเชื่อใจและคบหากันได้ประมาณ 3 เดือน จากนั้น นายภัควรรธน์ได้ให้แม่มาสู่ขอแต่งงาน โดยบอกว่าเรื่องเงินสินสอดไม่มีปัญหา แต่เมื่อถึงวันงานแต่งจริง กลับบอกว่าไม่ได้เตรียมเงินสินสอดมา เพราะติดปัญหาบางอย่าง พร้อมกับให้ตนออกค่าใช้จ่ายไปก่อนจำนวน 3 แสนบาท อ้างว่าจะคืนให้ภายหลัง

          “เราเห็นว่าไม่อยากให้งานแต่งมีปัญหา จึงยอมจ่ายเงินให้ก่อน สุดท้ายนายภัควรรธน์ก็ไม่ได้คืนเงินให้ ระหว่างอยู่กินด้วยกัน นายภัควรรธน์ยังขอยืมเงินไปอีก 1.5 แสนบาท อ้างว่าแม่ป่วยต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมถึงยังหลอกให้ไปดาวน์รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อีก 1 คันให้ ซึ่งรถทั้งสองคันนั้นมีชื่อเราเป็นผู้ครอบครอง ส่วนค่าผ่อนรถนายภัควรรธน์จะรับผิดชอบเอง ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่างวด เขาก็ไม่ยอมจ่าย” น.ส.เอ กล่าว

          น.ส.เอ กล่าวด้วยว่า ระหว่างนี้เมื่อตนทวงถาม นายภัควรรธน์ ก็บ่ายเบี่ยง อ้างว่ากำลังรอเงินจากการขายที่ดินมูลค่า 20 ล้านบาท พร้อมนำข้อความสนทนาผ่านแชทเฟซบุ๊กกับคนในครอบครัวที่พูดคุยเรื่องการซื้อขายที่ดินมาให้ตนดู สุดท้ายเมื่อทวงถามบ่อยครั้งเข้า นายภัควรรธน์ก็เริ่มตีตัวออกห่าง ทุกครั้งก็อ้างว่าจะออกไปทำงาน จนเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 นายภัควรรธน์  ก็ขาดการติดต่อแล้วหนีหายไปเลย ปล่อยให้ตนแบกรับภาระหนี้สินที่ก่อขึ้นไว้อยู่คนเดียว ตลอดช่วงเวลาที่คบหากัน ทำให้ตนต้องสูญเสียเงินไปเกือบ 5 แสนบาท และยังเป็นหนี้อีก 2 ล้านบาทด้วย จนต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในคดีฉ้อโกง

       ด้าน น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนถูกนายภัควรรธน์หลอกลวงเอาเงินลักษณะเดียวกันกับน.ส.เอ โดยช่วงแรกแรกนายภัควรรธน์เข้ามาทำความรู้จักกับตนผ่านโปรแกรมหาคู่ของเฟซบุ๊ก อ้างว่าเป็น ช่างภาพอิสระ และเป็นเจ้าของบริษัทออร์แกไนซ์แห่งหนึ่ง เพิ่งเลิกกับภรรยาเก่า ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับตน และด้วยความที่เห็นว่าเป็นคนบุคลิกดี มีรถเก๋ง, บ้าน ดูมั่นคง พูดจาเอาใจเก่ง จึงเริ่มหลงรักและคบหากัน จากนั้นไม่นานนายภัควรรธน์ ก็จะให้แม่มาสู่ขอเหมือนกับผู้เสียหายรายแรก แต่ตนเห็นว่าเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน จึงขอคบหากันแบบนี้ไปก่อน ต่อมานายภัควรรธน์ก็มาขอยืมแหวนทองตนไปขาย อ้างว่าจะนำเงินไปเคลียร์ปัญหากับภรรยาเก่า หากแบ่งทรัพย์สินกับภรรยาเก่าได้แล้วจะนำมาคืนให้ จากนั้นก็หนีหายไป

    ขณะที่  น.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี เปิดเผยว่า นายภัควรรธน์เข้ามารู้จักกับตนตนผ่านเฟซบุ๊กเช่นกัน อ้างตัวเป็นนักธุรกิจเจ้าของออแกไนเซอร์ และเป็นช่างภาพอิสระ ได้รับค่าจ้างจากค่ายรถยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ปีละ 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังอ้างเป็นบุคคลชั้นสูง รู้จักและสนิทสนมกับคนมีชื่อเสียงมากมาย ทั้งในแวดวงการเมือง และสังคมชั้นสูงหลายคน รวมทั้งยังอ้างเป็นเซียนพระชื่อ “หมอก เมืองสมุทร” เซียนพระระดับประเทศ หลังจากนั้นก็หลอกนำพระเครื่องมูลค่าราคาสูงของตนไปขาย และยังยักยอกพระเครื่องไปอีกหลายองค์ พร้อมกรอบพระทองคำ และสร้อยทองคำอีกด้วย รวมความเสียหายประมาณ 600,000 บาท สาเหตุที่ตนและผู้เสียหายรายอื่นรวมตัวกันมาร้องกองปราบเพื่อต้องการให้ช่วยเร่งติดตามจับกุมตัว เพราะเกรงว่านายภัควรรธน์อาจไปก่อเหตุเหยื่อรายอื่นอีก เพราะพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นภัยต่อสังคม

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปี 2557 นายภัควรรธน์เคยถูกกองปราบจับกุมมาแล้ว หลังจากอ้างตัวเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลดังแห่งหนึ่ง ไปหลอกขอยืมรถเก๋งจากผู้เสียหายรายหนึ่ง ก่อนที่จะเชิดรถหนีไป ขณะเดียวกันยังมีรายงานด้วยว่า ขณะผู้เสียหายกำลังให้ปากคำอยู่นั้น นายภัควรรธน์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจของ บก.น.8 ติดตามจับกุมตัวได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านราษฎร์บูรณะ ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีต่อที่ สน.บางรัก ทางพนักงานสอบสวนของกองปราบ จึงประสานให้ผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความกับทางตำรวจท้องที่ เพื่อให้มีการอายัดตัวดำเนินคดีเพิ่มต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ