เชิญผู้เสียหายคดีโอดีแคปิตอลลงคิวอาร์โค้ด

          นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ตามบัญชาของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ภายใต้ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข ซึ่งมีผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ โอดีแคปิตอล ได้เข้าร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งทางอธิบดีดีเอสไอได้อนุมัติให้สืบสวนคดีนี้แล้ว จึงนับเป็นข่าวดีของผู้เสียหายโอดีแคปิตอล ขณะเดียวกันทางดีเอสไอก็มิติใหม่เชิงรุก ด้วยการจัดทำคิวอาร์โค้ด รับคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายทั่วประเทศ เนื่องจากคดีนี้เป็นการหลอกลวงให้ลงทุนโดยอ้างเป็นบริษัทต่างประเทศ เคยมีดารา ดีเจ ตกเป็นเหยื่อออกมาแจ้งความแล้ว แต่ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้แจ้งความ และเกิดปัญหาในพื้นที่ต่างจังหวัดยังมีผู้เสียหายยังไม่สามารถแจ้งความได้ จึงขอให้ดีเอสไอช่วยดำเนินการซึ่งเรื่องนี้

          "ดีเอสไอ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้ลงทุนในการเทรดฟอร์เร็กซ์กับบริษัท โอดี แคปปิตอล ให้ลงทะเบียนข้อมูลผู้เสียหายผ่านทางคิวอาร์โค้ด เพื่อเป็นช่องทางการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย ได้รวบรวมข้อมูลสำหรับดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป" นายสามารถ กล่าวว่า  

          ทั้งนี้โครงการลงทุนกับบริษัท โอดี แคปปิตอล ใช้อุบายบอกว่าหากสนใจจะร่วมลงทุนกับทางบริษัทฯ จะให้เงินปันผล (ดอกเบี้ย) 10 เปอร์เซ็นต์ จากเงินลงทุน โดยทางบริษัทฯ จะส่งเงินลงทุนพร้อมกับเงินปันผล ให้กับผู้ลงทุนจำนวน 24 เดือน โดยทางบริษัทจะตอบแทนเป็นเงินปันผล (ดอกเบี้ย) ต่อเดือน โดยตอบแทนเป็นสกุลเงินดอลลาร์ แต่การ จ่ายผลตอบแทนไม่ได้ตามที่ตกลงไว้

          นอกจากนี้ นายสามารถ ยังได้อ้างถึงข้อมูลการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เกี่ยวกับคดีดังกล่าว ซึ่งมีการเปิดรายชื่อ 17 คน ถือครองเงินสด 23.6 ล้านบาท ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดเพิ่ม โดยก่อนหน้านี้โดนอายัด บ้าน ที่ดิน เงินฝาก สลากออมสิน 9 รายการ กว่า 112 ล. พบ 1 รายเงินฝากแบงก์ 48.6 ล้านบาท ด้วยการรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 คณะกรรมการธุรกรรม ใน ปปง. มีคำสั่งที่ ย.90/2562 อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) รายบริษัท โอดี แคปปิตอล จำกัด กับพวก เป็นเงินทั้งสิ้น 23,600,000 บาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตั้งแต่ วันที่ 23 เมษายน - 21 กรกฎาคม 2562
 

          คำสั่งระบุว่า ปปง.ตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินในคดีดังกล่าว พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า รายบริษัท โอดี แคปปิตอล จำกัด กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินอีก 17 รายการ ซึ่งตรวจสอบแล้วปรากฏหลักฐานเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (3) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และทรัพย์สินที่ ปปง.อายัด ในครั้งนี้เป็นเงินสดอยู่ในการครอบครองของบุคคลต่าง ๆ จำนวน 17 คน ได้แก่ 1.นายศุทธิวัติ ศิริปิ่น จำนวน 1 ล้านบาท 2.นายวัลลภ รุ่งกิตติวงศ์ 2 ล้านบาท 3.นายธนรรณพ ทองนวล 2 ล้านบาท 4.น.ส.รุ้งเพชร ศรีวิชัยลำพันธ์ 2 ล้านบาท 5.นายชินวัตร น้อยวัน 4 ล้านบาท 6.นายศิวกร ฉายา 1 ล้านบาท 7.นายวุฒิธิกรณ์ สิงห์สมบัติเตชะ 1 ล้านบาท 8. น.ส.ปิณฑ์พัชร เหมทานนท์ 1 ล้านบาท 9.นายวีรพงษ์ นาคประสิทธิ์ 600,000 บาท 10.น.ส.วริญญรัศมิ์ ยูนิเวอร์เซีย ศรีสุนทรโรทัย 1 ล้านบาท 11.น.ส.ประภากร โคตะรักษ์ 1 ล้านบาท 12.นายณัชพล อังกูรพานิชย์ 1 ล้านบาท 13.นายทินภัทร หอรุ่งเรืองชัย 1 ล้านบาท 14.นายรัฐรุจน์ ล้ำเลิศจิรจรัส 1 ล้านบาท 15.นายนนท์วริศ ทาบึงกาฬ 2 ล้านบาท 16.น.ส.มะลิวรรณ บุญแก้ว 1 ล้านบาท และ 17.นายธัชญ์ชพันธ์ ทักษณาเวสน์ 1 ล้าน

          โดยสำนักข่าวอิศรายังมีรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้ ปปง. มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องคดี บริษัท โอดี แคปปิตอล จำกัด กับพวก 2 ครั้งแรก คำสั่งที่ ย.108/2561 วันที่ 1 ส.ค.2561 ประกอบด้วยเงินฝาก 5 รายการ และ สลากออมสิน 2 รายการ รวม 7 รายการ มูลค่า 102,320,224.75 บาท ในชื่อ นายธนรรณพ ทองนวล 6 รายการ และนายวัลลภ รุ่งกิตติวงศ์ 1 รายการ (เงินฝาก 1 บัญชี 48,699,526.58 บาท) ครั้งที่สอง คำสั่งที่ ย.45/2562 วันที่ 28 ก.พ.2562 ได้แก่ บ้านและที่ดิน 2 หลัง 2 รายการ ในต.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ราคาประเมินรวม 9,917,070 บาท ในชื่อ น.ส.รุ้งเพชร ศรีวิชัยลำพันธ์ รวม 2 ครั้ง มูลค่า 112,237,294.75 บาท

          ขณะเดียวกันสำนักข่าวอิศรารายงานด้วยว่า บริษัท โอดี แคปปิตอล จำกัด โดยนายชินวัตร น้อยวัน กับพวก รวม 32 คน ถูกศาลออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามคำขอของพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากดำเนินการในลักษณะของบริษัทโฮลดิ้ง หรือ ประกอบการในลักษณะนำเงินไปลงทุนในบริษัท หรือกิจการอื่น ๆ โดยผู้ประกอบการจะระดมเงินทุนมาจากประชาชนทั่วไป โดยเข้าติดต่อชักชวน หรือมีการโฆษณาเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า เมื่อนำเงินมาลงทุนกับ OD Capital แล้ว จะได้รับผลตอบแทน 10 % ของเงินลงทุน นอกจากนี้หากสามารถชักชวนคนมาร่วมลงทุนได้ จะได้ผลตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมอีก ไม่ได้มีการจดทะเบียนพาณิชยกิจในประเทศไทย และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง