จ่อหมายจับมือยิงกำนันหญิงนักพัฒนา

 

               ผบช.ภ.4 สั่งล่าตัวคนร้ายยิงหัวกำนันหญิงนักพัฒนาตำบลผาตั้ง ชี้มีเป้าแล้ว สั่งสายสืบจับตาหาหลักฐานเพิ่มเตรียมออกหมายจับ พุ่งเป้าขัดแย้งผู้ตายออกโรงช่วยชาวบ้านเจรจาเปิดเส้นทางสัญจรกับเสี่ยเจ้าของที่ดินส.ป.ก.

 

               จากกรณีคนร้ายเป็นชายทำทีไปขอซื้อเครื่องดื่มชูกำลังที่บ้านนางกรรณิการ์ วงค์ศิริ อายุ 52 ปี หรือ “กำนันเตี้ย” กำนันตำบลผาตั้ง เลขที่ 152 หมู่ 6 บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม.ยิงขมับเสียชีวิตคาห้องครัว เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 09.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พื้นที่รับผิดชอบ สภ.สังคม ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

               ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบก.สส.ภ.4 ลงพื้นที่ สภ.สังคม จ.หนองคาย เพื่อประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนติดตามความคืบหน้าการตามล่าตัวคนร้ายเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่สนใจของสังคมโดยเฉพาะคนในพื้นที่เนื่องจากผู้ตายเป็นกำนันนักพัฒนา เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน

 

               พล.ต.ท.เจริญวิทย์ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับข้าราชการการเมืองท้องถิ่น หลังเกิดเหตุได้กำชับให้ตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 ลงมาช่วยตำรวจในท้องที่เร่งล่าตัวคนร้าย และได้แบ่งคณะทำงานติดตามอย่างครอบคลุม ขณะนี้มีเป้าหมายของคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี ดังนั้นจึงขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อน ถ้าได้พยานหลักฐานที่แน่ชัด รัดกุมแน่นหนา พนักงานสอบสวนจะดำเนินการยื่นต่อศาลเพื่ออนุมัติออกหมายจับทันที

 

               “สำหรับชนวนเหตุปมสังหารกำนันหญิงนั้น เบื้องต้นให้น้ำหนักไปที่ข้อพิพาทการเจรจาเปิดทางสัญจรให้ชาวบ้านกับเจ้าของที่ดินครอบครองสิทธิ์ ส.ป.ก. โดยผู้ตายเป็นตัวแทนช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนมาเจรจากับเจ้าของที่ดิน ซึ่งทราบว่าเป็นคนกรุงเทพฯ มาหาซื้อที่ดินทำสวนยางพารา แล้วปิดทางเข้าออกของชาวบ้านหลายรายที่เคยใช้เส้นทางผ่านที่ดินของเจ้าของรายนี้มาเป็นเวลานาน แต่ปัจจุบันกลับผ่านไม่ได้ จนเกิดเป็นปัญหาตามมา และอีกประเด็นคือเงินกฐินวัดถ้ำศรีมงคล หรือวัดถ้ำดินเพียง ตั้งแต่เมื่อปี 2559 ซึ่งเงินหายไป 85,000 บาท ขณะนี้ตำรวจได้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว” ผบช.ภ.4 กล่าว

 

               ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.เจริญวิทย์ นำคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจญาติของนางกรรณิการ์ที่บ้านพัก โดยมีนายพิเดช วงค์ศิริ สามีของกำนันหญิงที่ถูกยิงโหด พร้อมญาติพี่น้องและชาวบ้านต้อนรับ ซึ่ง พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ได้พูดคุยและให้กำลังใจพร้อมบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาให้ได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญที่ไม่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่มาก่อน

 

               พล.ต.ท.เจริญวิทย์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนและรองผบช.ภ.4 พร้อมทีมงานชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลงพื้นที่ โดยมีการประชุมร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อเร่งรัดติดตามคดีที่กำนันหญิงถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้มีประเด็นให้ติดตามอยู่ 3-4 ประเด็นที่ผู้ตายเข้าไปมีความขัดแย้ง ซึ่งผู้ตายเป็นกำนันที่ตรงไปตรงมา รักษาผลประโยชน์ต่างๆ ให้ชาวบ้าน ทำให้มีข้อพิพาท และตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามตีวงให้แคบลง ส่วนการเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษนั้นขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานก่อน เนื่องจากเหตุเพิ่งจะเกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ ประเด็นก็คงจะแคบลงและจะพยายามทำให้เร็วที่สุด มีความรอบคอบรัดกุมมากที่สุด

 

               ด้านนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้เดินทางไปยังบ้านของนางกรรณิการ์ ที่ ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย เพื่อดูจุดเกิดเหตุ โดยได้พูดคุยสอบถามเหตุการณ์จากลูกสาวของผู้ตายและญาติ จากนั้นได้มอบเงินช่วยเหลือให้จำนวนหนึ่งเป็นเงินค่าช่วยงานศพ ซึ่งญาติได้จัดเตรียมสถานที่ตั้งเต็นท์เตรียมจัดงานศพให้นางกรรณิการ์ จากนั้นได้มีนายเอกธนัช อินทร์รอด ส.ส.เขต 3 จ.หนองคาย เดินทางมามอบพวงหรีดแสดงความเสียใจกับครอบครัว

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเกิดเหตุตำรวจได้นำศพกำนันเตี้ยไปผ่าหัวกระสุนออกจากศีรษะเพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดีที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ชาวบ้านและญาติต่างนั่งจับกลุ่มสนทนาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะจัดเตรียมสถานที่จัดพิธีกรรมตามศาสนาและมีอาการโศกเศร้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากสูญเสียผู้นำท้องถิ่นคนดีที่ชาวบ้านรักไปอย่างไม่มีวันกลับ อยากให้ตำตรวจติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว รวมถึงสอบสวนขยายผลคนบงการ หรือผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาลงโทษตามกฎหมาย จากนั้นญาติได้เดินทางไปรับศพที่นำไปผ่าพิสูจน์คาดว่าจะนำศพมาถึงบ้านในช่วงเย็น

 

               ด้านนายพิเดช วงค์ศิริ สามีของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังจับคนร้ายไม่ได้ แต่ก็ทำตัวตามสบายไม่ได้ระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลความปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ตกใจและเสียใจมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้โดยเร็ว อยากรู้ว่าเป็นใคร ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้ อยากให้ลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต และอยากให้มาขอขมาต่อหน้าศพด้วย