ข่าว

สหกรณ์ต่อยอด สืบสาน ปณิธานพ่อ สานต่อ"หุบหะพง"สู่ความยั่งยืน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สหกรณ์ต่อยอด สืบสาน ปณิธานพ่อ สานต่อ"หุบหะพง"สู่ความยั่งยืน

 

        "หุบกะพง" เป็นโครงการในพระราชประสงค์ในพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรในหลวงรัชกาลที่9 จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดการพัฒนาที่ดินให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน และทดลองด้านการเกษตรแผนใหม่บนพื้นที่แห้งแล้ง โดยเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินเหล่านี้ ได้รวมตัวกันแล้วจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตร ยึดหลักและวิธีการสหกรณ์สำหรับแก้ไขปัญหาต่างๆ ของสมาชิก ตั้งแต่เริ่มการผลิตไปจนถึงการจำหน่ายออกสู่ตลาด 

สหกรณ์ต่อยอด สืบสาน ปณิธานพ่อ สานต่อ"หุบหะพง"สู่ความยั่งยืน

 

        ปัจจุบันที่นี่ยังเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการปลูกพืชและสัตว์ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเกษตรบนพื้นที่แห้งแล้ง อีกทั้งเป็นแหล่งให้การศึกษา ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ด้านต่างๆ แก่เกษตรกร และประชาชนทั่วไป  ด้วยเหตุนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกร่วมสืบสาน รักษาและต่อยอด พัฒนาพื้นที่โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี โดยนำแนวพระราชดำริ สร้างประโยชน์แก่ประชาชน ณ ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง 

สหกรณ์ต่อยอด สืบสาน ปณิธานพ่อ สานต่อ"หุบหะพง"สู่ความยั่งยืน

         พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการสหกรณ์รวมใจภักดิ์ พัฒนาสิ่งแวดล้อมน้อมนำพระราชปณิธานความดี เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกณ ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยมีผู้แทนสหกรณ์ในจังหวัดเพชรบุรี บุคลากรของส่วนราชการต่างๆ ประชาชนทั่วไป สมาชิกและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพงและบุคลากรของ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 600 คน เพื่อแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีและร่วมใจกันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

         พิเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการสหกรณ์รวมใจภักดิ์ พัฒนาสิ่งแวดล้อม น้อมนำพระราชปณิธานความดี เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการจัดนิทรรศการและซุ้มเฉลิมพระเกียรติ นำเสนอพระราชกรณียกิจอันเกี่ยวกับงานสหกรณ์ ภายใต้หัวข้อ“ต่อยอด สืบสาน ปณิธานพ่อ สหกรณ์สานต่อสู่ความยั่งยืน”และจัดกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยร่วมกันปลูกต้นไม้ในพื้นที่ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง พื้นที่ 1-2-0 ไร่ พร้อมทั้งดูแลรักษาต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 รวมถึงกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ร่วมกันเก็บขยะบริเวณถนนในพื้นที่โครงการจัดพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์หุบกะพง และกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาพลับพลาที่ประทับ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เคยเสด็จฯ มาประทับและทรงงาน เมื่อปี 2507

         นอกจากนี้ยังได้ซ่อมแซมบ้านหลังแรก ซึ่งเป็นการจำลองบ้านของเกษตรกรกลุ่มแรกที่อพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ของโครงการไทย-อิสเราเอล เพื่อพัฒนาชนบทหุบกะพง ซึ่งทุกกิจกรรมจะช่วยปลูกฝังให้บุคลากรสหกรณ์และเยาวชนสหกรณ์ รุ่นใหม่ได้น้อมนำแนวคิดจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมมาขยายต่อยอดการทำความดีและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคมตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

          อัญชนา แก้วชื่น ผู้อำนวยการศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง กล่าวถึงความสำคัญของโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพงว่า เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน ณ พระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี2507 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนราษฎร จนได้ทรงทราบถึงเดือดร้อนของเกษตรกรกลุ่มชาวสวนผักชะอำจำนวน 83 ครอบครัว ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองและขาดแคลนทุนทรัพย์ในการประกอบอาชีพ จึงทรงรับเกษตรกรเหล่านี้ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดหาพื้นที่ในเขตจังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ นำมาจัดสรรให้เกษตรกรดังกล่าว

         ในเวลาต่อมาได้มีการเลือกที่ดินบริเวณหุบกะพง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นป่าคุ้มครองของกรมป่าไม้ แต่สภาพที่ดินส่วนใหญ่เป็นดินเลวขาดแคลนน้ำ จึงมีพระราชดำริให้กันพื้นที่ประมาณ 10,000 ไร่ ออกจากป่าคุ้มครองของกรมป่าไม้ และพระองค์ทรงจับจองพื้นที่ดังกล่าวเยี่ยงสามัญชน โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ เมื่อได้พัฒนาที่ดินให้ดีขึ้นแล้ว จึงจัดสรรให้กับเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนที่ดินทำกินได้เข้าไปอยู่อาศัยและทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว

       ขณะเดียวกันรัฐบาลอิสราเอล โดย ฯพณฯ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยได้อาสาเข้ามาช่วยเหลือด้านการพัฒนาการเกษตรในรูปของผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ และได้เกิดการทำสัญญาร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอิสราเอล ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2509 ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ภายใต้ “ โครงการไทย -อิสราเอล เพื่อพัฒนาชนบท(หุบกะพง)”

        จากโครงการความร่วมมือดังกล่าวได้ดำเนินการจัดตั้งเป็นศูนย์สาธิตและทดลองการเกษตร พร้อมทั้งอพยพเกษตรกรจากกลุ่มเกษตรกรสวนผักชะอำ 2 ครอบครัว เข้าไปอยู่อาศัยโดยจัดที่ดินให้ครอบครัวละ 25 ไร่ จัดให้ปลูกพืชอาศัยน้ำชลประทาน 7 ไร่ อีก 18 ไร่ ให้ปลูกพืชไร่อาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติ มีเจ้าหน้าที่เป็นผู้วางแผนการปลูกการแนะนำให้เกษตรกรรู้จักการปลูกพืชตามหลักวิชาการ จากนั้นจึงอพยพครอบครัวของเกษตรที่เหลือเข้ามาอยู่ในบ้านเกษตรกรเข้ามาเพิ่มเติม 

      พร้อมทั้งมีการให้การศึกษาอบรมเกี่ยวกับหลักการและวิธีการของสหกรณ์ จนเห็นว่าสมาชิกของหมู่บ้าน เกษตรกรมีความเข้าใจได้ดีพอแล้ว จึงเข้าชื่อกันเพื่อขอจดทะเบียนเป็นสหกรณ์การเกษตรโดยใช้ชื่อว่า “สหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด” ยึดหลักและวิธีการสหกรณ์สำหรับแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของสมาชิก จากนั้นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานโฉนดที่ดินบริเวณหุบกะพง ซึ่งมีพระนามาภิไธยของพระองค์จำนวน 3 ฉบับ รวมพื้นที่ 12,079 – 1 – 82 ไร่ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์และสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบ

 

        สหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2514 มีสมาชิก 128 ครอบครัว ทุนดำเนินการตั้งต้น 253,677.50 บาท ขณะที่ในปัจจุบันมีสมาชิกรวม 618 คน และมีทุนดำเนินการเพื่อดำเนินธุรกิจตอบสนองต่อสมาชิกอย่างครบวงจร จำนวน 38,890,059.32 บาท ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีโครงการต่างสนับสนุนอาชีพให้กับสมาชิก อาทิ โครงการพัฒนาฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์ พืชผักปลอดภัย ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ การเลี้ยงแพะ เลี้ยงปลาและงานหัตถกรรมจักสานป่านศรนารายณ์ พร้อมทั้งจัดหาตลาดในการจำหน่ายสินค้าและผลผลิตให้กับเกษตรกรในพื้นที่หุบกะพงด้วย

       ปัจจุบันได้เปิดศูนย์เรียนรู้ด้านการปลูกพืชและสัตว์ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเกษตรบนพื้นที่แห้งแล้ง อีกทั้งเป็นแหล่งให้การศึกษา ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ด้านต่าง ๆ แก่เกษตรกร รวมถึงการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการรวมกลุ่มสู่การพัฒนาสหกรณ์อย่างยั่งยืน ตามแนวพระราชดำริฯ อันเป็นองค์ความรู้ที่ได้จากการร่วมมือกับสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกร และประชาชนทั่วไป 

     ซึ่งในปี 2561 ที่ผ่านมา ได้มีผู้เข้าศึกษาดูงานกว่า 50,000 คน ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยสมาชิกสหกรณ์และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง จะร่วมกันสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแนวพระราชดำริต่าง ๆ ของ“พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ให้ดำรงอยู่ต่อไปในแผ่นดินของพระราชานามว่า “หุบกะพง” 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ