ข่าว

ทลายกรงขัง"ตัวเหี้ย"200 ชีวิตพ้นเมนูพิสดาร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สืบเนืองจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) บุกทลายโกดังเก็บกักสัตว์คุ้มครองหลายรายการ อาทิ ตัวลิ่ม งู เต่า ตะพาบน้ำ และซากเลียงผาจำนวนมาก ใน ต.น้ำเต้า อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2553 จ

 ใกล้เที่ยงของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ รอง ผบก.ปทส. สืบทราบถึงแหล่งกักเก็บตัวเหี้ยจำนวนมากเพื่อรอส่งขาย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 7 ต.ไผ่ดำพัฒนา อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พ.ต.อ.เกียรติพงศ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ บำรุงสวัสดิ์ สว.กก.2 บก.ปทส. พ.ต.ต.กษิเดช จังพนาสิน สว.กก.2 บก.ปทส. นายเบ็งจะ ตรีสาร เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี จึงกำลังพร้อมหมายศาลจังหวัดอ่างทองที่ 109/2554 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 เข้าตรวจค้นบริเวณที่กักเก็บตัวเหี้ยดังกล่าว

 บริเวณพื้นที่กว่า 1 งาน ถูกสร้างเป็นบ่อปูนซีเมนต์กว้าง 1.20 เมตร ยาว 2.50 เมตร จำนวน 5 บ่อ โดยแต่ละบ่อมีตัวเหี้ยเบียดเสียดกันอยู่ในน้ำที่เน่าเหม็น ประมาณ 40 ตัว รวมแล้วมีตัวเหี้ยกว่า 200 ตัว จึงทำการตรวจยึด พร้อมควบคุมตัว นายบุญลือ ประสิทธิ์สม อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/3 หมู่ 1 ต.ไผ่ดำพัฒนา อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เจ้าผู้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองอย่างผิดกฎหมาย

 นายบุญลือ ให้การว่า กว่า 10 ปีมาแล้ว ที่ทำการดักจับตัวเหี้ยมาจากท้องนาและป่าใกล้ๆ เมื่อจับมาได้แล้วจะนำมาขังไว้ประมาณ 2 เดือน จะมีพ่อค้ามารับซื้อ 1 ครั้ง โดยรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 20 บาท ก่อนนำตัวเหี้ยไปส่งขายต่อให้ผู้ซื้อในลาว เพื่อส่งขายต่อไปในประเทศจีน 

 "ผมไม่มีอาชีพอะไร อาศัยจับตัวเหี้ยเลี้ยงลูก มาตั้งแต่ลูกอายุแค่ 3 ขวบ แม้รู้ว่าตัวเหี้ยดังกล่าวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร การจับตัวเหี้ยครั้งหนึ่งจะได้เงินประมาณ 5,000-6,000 บาท เวลาจับก็ออกไปคนเดียว ไปทำที่ดักไว้ พอตัวเหี้ยติดก็ไปขนมาไว้ในบ่อ เอาซี่โครงไก่โยนให้กิน ที่ผ่านมาเคยถูกเจ้าตัวเหี้ยกัดมาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้สุขภาพไม่ดีเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ แต่ต้องมานะออกไปจับ บางครั้งชาวบ้านขอร้องให้ออกไปค้นหาและจับ เพราะเจ้าตัวนี้มันสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านมาก" นายบุญลือ กล่าว

  ด้าน พ.ต.อ.เกียรติพงศ์ กล่าวว่า ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้ทำการสืบทราบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าว มีการจับตัวเหี้ยซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองเพื่อจำหน่าย จึงทำการสืบสวนและนำกำลังประสานกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าทำการตรวจค้นและจับกุมโดยถือเป็นความผิดตามมาตรา 19 ของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ผู้ใดที่ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
    "การจับครั้งนี้เจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึงเมื่อพบว่ามีตัวเหี้ยจำนวนมากถูกกักเก็บไว้รอขาย และการเข้าตรวจค้นเจ้าของบอกว่าไม่สบายจับไม่ได้ และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ชำนาญต้องจับกันออกมาจากบ่ออย่างทุลักทุเล ซึ่งการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการขยายผลมาจากการจับกุมโกดังสัตว์ป่าเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และจากการปฏิบัติการที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าการค้าสัตว์ป่าทำกันเป็นเครือข่าย ซึ่งจะทำการสืบสวนขยายผลต่อไปเพื่อกำจัดการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายนี้" พ.ต.อ.เกียรติพงศ์ กล่าว

 พ.ต.ต.กษิเดช เสริมว่า หากชาวบ้านในพื้นที่ใช้การดักสัตว์และนำไปขายเพื่อเลี้ยงชีพ ตราบใดที่ยังไม่มีอาชีพทดแทนการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายก็คงจะยังมีอยู่ต่อไป

 การจับกุมผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าในครั้งนี้ นายเบ็งจะยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีการจับกุมคดีลักษณะนี้ และครั้งนี้พบตัวเหี้ยมากที่สุด และตัวเหี้ยที่จับได้มีน้ำหนักต่อตัวหนักสุดประมาณ 54 กิโลกรัม ราคาขายจะตกอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 20 กว่าบาท ส่วนใหญ่จะส่งร้านอาหารและประเทศเพื่อนบ้าน และหากผู้ประกอบการร้านอาหารบางแห่งหลอกลวงลูกค้า นำเนื้อตัวเหี้ยไปผสมกับเนื้อสัตว์อื่น ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ สำหรับตัวเหี้ยทั้งหมดจะนำไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรี
 
         - สุรศักดิ์ หริ่มสืบ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ