ข่าว

ย้อนเส้นทางชีวิต 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' จาก เจ้าพ่ออ่าง สู่ นักแฉเพื่อชาติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ย้อนเส้นทางชีวิต ผู้ชายที่ชื่อ 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' จาก เจ้าพ่ออ่าง สู่ นักการเมือง ในตำนาน และ นักแฉเพื่อชาติ

เมื่อเอ่ยชื่อ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" เจ้าของฉายา "เจ้าพ่ออ่าง" และ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่ภาพลักษณ์ ดุดัน มุทะลุ...ในอดีต หลายคนไม่ได้ให้ราคาเขาซักเท่าไร แต่ชื่อของ "ชูวิทย์" เริ่มกลับมาโด่งดัง และเป็นที่จับจ้องของสังคม นับตั้งแต่เขาเริ่มออกมาแฉ เปิดโปงกระบวนการส่วย ทุนจีนสีเทา เว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะปมทุจริตแต่ละโครงการของรัฐบาล

 

คมชัดลึก พาย้อนเส้นทาง ผู้ชายที่ชื่อว่า "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" จากเจ้าพ่ออ่างที่โด่งดัง ก้าวมาเป็น นักการเมืองในตำนานของประเทศไทย ก่อนเริ่มเข้าวงการ "นักแฉเพื่อชาติ" อย่างเต็มรูปแบบ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

จุดเริ่มต้นชีวิต

 

1. ชูวิทย์ เกิดเมื่อ 29 ส.ค.2504 ที่ฮ่องกง แต่เติบโตในย่านเยาวราช เป็นลูกคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้อง 8 คน พ่อและแม่เป็นคนจีน ที่ทำธุรกิจนำเข้าและผลิตเสื้อผ้ายีนส์ยี่ห้อฮาร่า โดยปัจจุบันธุรกิจนี้ดูแลโดยเลิศชัย กมลวิศิษฎ์ ผู้เป็นพี่ชาย

 

2. ชูวิทย์จบชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนสหพาณิชย์ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของตึกชาญอิสสระ) ชั้น ม.ต้นจากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และ ม.ปลาย จากโรงเรียนเทพศิรินทร์ และไปต่อปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนบินไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยซานดิเอโกแต่ไม่จบ จึงมาศึกษาต่อในหลักสูตร รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร รัฐศาสตรมหาบัณฑิต เมื่อ 14 ส.ค.2551

 

3. หลังจากจบการศึกษา ชูวิทย์หันมาทำธุรกิจของตัวเอง เช่น สร้างหมู่บ้านจัดสรร และเปิดอาบอบนวด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนาม "วิคตอเรียซีเคร็ท" และขยายกิจการ จนเป็นเจ้าของอาบอบนวด 6 แห่ง ในเครือเดวิสกรุ๊ป และก่อตั้งมูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์ ให้การสนับสนุนก่อสร้างป้อมที่พักเจ้าหน้าที่ตำรวจตามแยกไฟแดง

 

4. จากธุรกิจอาบอบนวดนี้เอง ที่ทำให้เขาเริ่มเกิดความขัดแย้งกับตำรวจ จากการแฉเรื่อง "ส่วย" เป็นเรื่องเกรียวกราว จนได้รับฉายาว่า "เสี่ยอ่าง" หรือ จอมแฉ จนเกิดผลกระทบกับธุรกิจอาบอบนวด ถูกคดีค้าประเวณีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ศาลสั่งยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ

ขอบคุณภาพ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

ชื่อเสียงมาจากบาร์เบียร์

 

5. ชื่อของชูวิทย์ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี 2546 เมื่อมีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน พร้อมรถแบ็กโฮ บุกเข้ารื้อบาร์เบียร์ 60 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซอยสุขุมวิท 10 โดยการสั่งการในครั้งนี้ คือ ชูวิทย์ ที่ต้องการขับไล่บาร์เบียร์ที่มาบุกรุกที่ดินของเขา เเละไม่ยอมย้ายออกไป โดยมีนายทหารคนดังในยุคนั้น คือ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร กลายเป็นจำเลยร่วมไปด้วย

 

6. เมื่อปรากฏเป็นข่าวรื้อบาร์เบียร์ ชูวิทย์ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่กี่วันต่อมา เขาก็ปรากฏตัวข้างถนน ย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง ด้วยสภาพอิดโรย มีการนำตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นแล้ว ชูวิทย์ได้แฉว่า ถูกตำรวจกลุ่มหนึ่งอุ้มตัวไป

คดีรื้อบาร์เบียร์

7. ชูวิทย์เริ่มปรากฎเป็นข่าว และเป็นที่สนใจของสังคม เมื่อเริ่มทำการแฉถึงพฤติกรรมการทุจริตต่างๆ ของตำรวจ ทั้ง การรีดไถ รับส่วย จนนำไปสู่การโยกย้ายนายตำรวจมากมาย และด้วยบุคลิคที่ดุดัน แถมแฉแบบดุเดือด ทำให้เป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนเป็นจำนวนมาก จนมีผู้สร้างภาพยนตร์ ดัดแปลงชีวประวัติของชูวิทย์ มาทำหนังเรื่อง "เจ้าพ่ออ่างทองคำ" โดยมี จรัล งามดี มารับบทเป็น ชูวิช ที่แปลงมาจากชื่อของ "ชูวิทย์"

 

สูญสิ้นอิสรภาพครั้งแรก

 

8. จากเหตุการณ์คดีรื้อบาร์เบียร์ ในปี 2546 ศาลได้มีคำสั่งตัดสินจำคุก เป็นเวลา 2 ปี โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที นั่นจึงนับเป็นครั้งแรก ที่เขาต้องสูญสิ้นอิสรภาพ ก่อนได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากเป็นนักโทษชั้นดี รวมเวลาที่ติดคุกคือ 10 เดือน 18 วัน

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

 

เริ่มเข้าสู่การเมือง

 

9. ปี 2547 ชูวิทย์ได้ก้าวมาสู่วงการเมือง โดยขายหุ้นในกิจการอาบอบนวดทั้งหมด แล้วลงสมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เบอร์ 15 เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันเกิดของตัวเอง แม้ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ได้คะแนนเสียงกว่า 3 แสนคะแนน และได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 3

 

10. ชูวิทย์ ก่อตั้งพรรคต้นตระกูลไทย ก่อนเข้าร่วมกับพรรคชาติไทย และรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค พร้อมลงสมัครเลือกตั้ง ในปี 2548 เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย แต่ต่อมาถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วัน จึงพ้นความเป็น สส.ในเวลาต่อมา

 

11. ในปี 2549 ชูวิทย์ได้ลาออกจากพรรคชาติไทย เพื่อลงสมัครสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร แต่ก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิกถอนสิทธิ การลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยระบุว่า ยังไม่พ้นจากสถานะภาพ สส. ครบกำหนด 1 ปี ตามกฎหมาย

 

12. จากนั้นชูวิทย์ ยังวนเวียนอยู่ในแวดวงการเมือง ทั้งลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง จัดตั้งพรรคสู้เพื่อไทยในปี 2551 และพรรครักประเทศไทยในปี 2553 โดยในการเลือกตั้งปี 2554 ชูวิทย์ได้แถลงข่าวเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งผลการเลือกตั้ง พรรครักประเทศไทยได้คะแนนเสียงเกือบ 1 ล้านคะแนน ส่งผลให้ได้ สส. เข้าสภาถึง 4 คน

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

13. ตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภา ชูวิทย์ทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น ทั้งแฉคลิป ข้อมูล บ่อนการพนัน สถานอบายมุข  จนกระทั่งเกิดวิวาทะกับ ร.ต.อ.เอกเฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนทำให้ทั้งคู่ได้รับฉายาว่าเป็น "คู่กัดแห่งปี" ประจำปี 2555 จากสื่อมวลชน

 

14. เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2556 หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ มีมติให้สมาชิกลาออกจากการเป็น สส.ยกพรรค นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามคำแนะนำ ชูวิทย์รักษาคำพูด โดยการลาออกจากการเป็น สส.ทันที ก่อนที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจประกาศยุบสภา

 

15. ในปี 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ สั่งจำคุก "ชูวิทย์” ฐานจงใจไม่แสดงรายการบัญชีทรัพย์สิน 2 เดือน ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี รับสารภาพลดโทษ เหลือจำคุก 1 เดือน ไม่รอลงอาญา พร้อมค้านประกันตัวส่งขังเรือนจำทันที นับเป็นการติดคุกครั้งที่ 2 และเริ่มยุติบทบาททางการเมือง

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

เริ่มเข้าสู่วงการแฉ

 

16. หลังจากยุติบทบาททางการเมือง ชื่อของชูวิทย์เงียบหายไป แล้วกลับมาดังเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง ในปี 2565 จนถึงปัจจุบัน จากการแฉเปิดโปง เริ่มตั้งแต่ "คดีทุนจีนสีเทา" ตู้ห่าว เว็บพนันออนไลน์ "สารวัตรซัว" หรือ มาเก๊า888 จนสะเทือนวงการตำรวจ เพราะทุกการเปิดโปง นำมาซึ่งความจริง

 

17. แต่ที่เรียกว่าเป็นเรื่องร้อน คือการแฉทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ของกระทรวงคมนาคม นโยบายกัญชา และอื่นๆ ซึ่งล้วนพุ่งเป้าไปที่พรรคภูมิใจไทย หลังจากนั้น ทำให้เริ่มเกิดคำถามว่า "ชูวิทย์" รับงานใครมาหรือไม่

 

18. ร้อนแรงขนาดไหนไม่รู้ แต่ก็ลุกลามไปถึงสนามฟุตบอล เมื่อกองเชียร์ "ลำพูนวอริเออร์" แผลงฤทธิ์ตะโกนเรียกชื่อ "ชูวิทย์" ลั่นสนาม ในเกมไทยลีก 1 "บุรีรัมย์ยูไนเต็ด" เปิดบ้านชนะลำพูนวอริเออร์ 2-0

 

จนถึงปัจจุบัน "ชูวิทย์" ยังคงมีโปรแกรมแฉต่อเนื่องรายวัน ทั้งบนหน้าเพจเฟซบุ๊ก และ บุกไปตามกระทรวง ทบวง กรม คนในสังคมต่างจับตาความเคลื่อนไหว เพราะทุกการเปิดโปงของเขา นำมาซึ่งความจริงที่คาดไม่ถึง

 

 

 

 

ที่มา : วิกิพีเดีย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ