'ชูวิทย์' ฟาด 'สื่อใหญ่' / ใครรับงานภูมิใจไทยกันแน่?
'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' ฟาดกลับ 'สื่อใหญ่' หมดยุคเล่นบทตีกิน ย้ำ ไม่มีใครจ้างได้ แต่ใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์จาก พรรคภูมิใจไทย
เป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ นับตั้งแต่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกโรงแฉ ทั้งปมทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ของกระทรวงคมนาคม นโยบายกัญชาเสรี และอื่นๆ ซึ่งล้วนพุ่งเป้าไปที่พรรคภูมิใจไทย หลังจากนั้น ทำให้เริ่มเกิดคำถามว่า "ชูวิทย์" รับงานใครมาหรือไม่ จึงทำให้ "เจ้าของสื่อใหญ่" ถึงกับประกาศตัดขาด ความเป็นพี่น้อง กลายเป็นเปิดศึกโต้ตอบกันบนหน้าสื่อ
ล่าสุด ชูวิทย์ โพสต์เฟซบุ๊กทำนองว่า ระหว่างเจ้าของสื่อใหญ่กับตัวเขา ผลประโยชน์ของใครกันแน่ โดยชูวิทย์ บอกว่า การที่เขาถูกเจ้าของสื่อยักษ์ใหญ่ โจมตีทุกวัน เช่น กล่าวหาว่า จ้างร้อยเล่นล้าน เบี่ยงเบนเนื้อหา พลิ้วไหวโกหกพกลมไปวันๆ ทั้งที่ไม่กี่วันก่อน ยังเอ่ยถึงเขาว่าเป็น "น้องรัก" และการที่เขาจะรับงานใคร หรือถูกสั่งให้ทำอะไร คิดว่าต้องจ้างในราคาเท่าไร และจะใช้วิธีการไหน ในการสั่งงานเขาได้
"ถ้าหากจะจ้างเขา ไม่ให้พูดเรื่องกัญชา คิดว่าเขาจะรับจ้างหรือไม่ และจะวางใจได้มากน้อยแค่ไหน น่าจะรู้จักนิสัยเขาดี พี่จ้างผมไม่ได้ หรือแม้แต่จะบีบ ผมก็ไม่กลัว จึงต้องเล่นบทโจมตีแบบสื่อยุคเก่า ความจริงมันคือความจริงวันยันค่ำ" ชูวิทย์ร่ายเป็นฉากๆ
ทั้งนี้ ชูวิทย์ ได้กล่าวถึงประเด็นกัญชาว่า เขายืนยันว่า กัญชา ไม่ใช่สิ่งเลอเลิศ อย่างที่มีการประกาศกันในประเทศไทย และมั่นใจว่า ยังมีพ่อแม่เด็กอีกจำนวนมาก ที่ไม่มีปากมีเสียง มีความกังวล ไม่อยากให้ลูกติดกัญชา นี่คือความจริงที่คนต้องการเห็น ต้องการได้ยินจากมุมมองของสื่อ ที่จะต้องนำไปให้สังคมพิจารณา และในฐานะสื่อใหญ่ ควรจะนำเสนอความเป็นกลางให้สังคมได้ตัดสินใจ โดยไม่ใช้อคติของตัวเอง ไปเห็นดีเห็นงามกับผลประโยชน์เรื่องกัญชา ที่มากับกระแสของพรรคภูมิใจไทย อันเป็นการชี้นำสังคมอย่างไม่ควรเป็น ในฐานะ "ฐานันดร 4"
ชูวิทย์ ย้ำว่า สื่อใหญ่แบบนี้หากคิดจะเล่นงานเขา เหมือนอย่างที่เคยเล่นงานคนอื่น คงไม่สามารถทำได้ เพราะเขาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนในสังคม ที่เขาไม่มีปากมีเสียงมากพอ ในการนำเอาสาระที่มีประโยชน์มาพูดแทนใจคน ดีกว่าจะต้องมาฟังใครตำหนิใส่ เขาย้ำว่า ใครๆ ก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนดี ดังนั้น การด่าเขา จะไปมีประโยชน์อะไรกับสังคม
ตอนนี้ สังคมกำลังตั้งคำถามกลับว่า ใครรับงานมาจากพรรคภูมิใจไทยกันแน่ เพราะฉะนั้น อย่าใช้อิทธิพลของสื่อในทางที่ผิด โดยการโจมตีผู้ที่เห็นต่าง อย่างน้อยประชาชนมีสิทธิที่จะรู้ความจริง
ชูวิทย์ทิ้งท้ายว่า "ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เดี๋ยวนี้ชาวโซเชียลเขาเก่ง สืบแป๊บเดียวก็รู้ว่าใครมั่ว"
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ "ชูวิทย์" เคยให้สัมภาษณ์ "คมชัดลึก" ยืนยันว่า ไม่เคยรับงานใคร และในฐานะเป็นประชาชนคนหนึ่ง เขาสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็น พรรคภูมิใจไทย ,เพื่อไทย , พลังประชารัฐ หรือแม้แต่ประชาธิปัตย์ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ของเขา ก็อยู่ในพื้นฐานที่สื่อสารกับประชาชน ถ้าประชาชนเห็นว่า ชูวิทย์รับงาน ก็ไม่ต้องเชื่อ เหมือนเช่นที่กรณีสนธิพูด ใครเชื่อสนธิก็ฟังสนธิทอล์ค ใครชอบชูวิทย์ ก็ฟังชูวิทย์พูด นี่คือวิถีประชาธิปไตย ไม่จำเป็นต้องไปใส่ร้ายกัน