ข่าว

"ชูวิทย์" งัดหลักฐาน แฉ นอมินีสาวไทยคนสนิท "ตู้ห่าว"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ชูวิทย์" เผยที่มาข้อมูล "ตู้ห่าว" อดีตคนใกล้ชิดขัดผลประโยชน์-ไม่จ่ายค่าจ้าง เตรียมทยอยส่งข้อมูลตร.สืบสวนต่อ ระบุ หลักฐานชัดเส้นทางการเงิน "นอมินี" สาวคนสนิท แฉซ้ำนายทุนจีนซื้อโรงเรียนสอนภาษาไทย-รับรองฐานะต่อวีซ่าได้ตลอด

นาย "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์"  อดีตนักการเมือง แถลงข่าวเปิดเผยถึงข้อมูล"กลุ่มทุนจีน" สีเทาเพิ่มเติมที่ได้นำไปยื่นให้กับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อเช้านี้ว่า  ตนได้รับข้อมูลของนาย "ตู้ห่าว" มาจากพยานคนสำคัญที่เป็นอดีตคนใกล้ชิดของนาย "ตู้ห่าว"  แต่เกิดขัดผลประโยชน์กัน เนื่องจากนาย"ตู้ห่าว" ไม่จ่ายค่าจ้าง บุคคลนี้จึงติดต่อมาหาตน ดังนั้น จึงมีข้อมูลจำนวนมากที่จะทยอยให้กับ"ตำรวจ" นำไปสืบสวนต่อ

โดยนาย "ชูวิทย์" ได้เปิดเผยข้อมูลของนอมินีคนสำคัญของนาย "ตู้ห่าว" ซึ่งมีการใช้ชื่อ นางพัชรินทร์ ซึ่งเป็นคนไทยดำเนินการแทน พร้อมโชว์หลักฐานสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน โดยมีเอกสารสัญญาการซื้อขายที่ดินมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เมื่อปี 2563 ที่นาย "ตู้ห่าว" ให้นางพัชรินทร์เป็นผู้ดำเนินการแทน โดยมีลายเซ็นนางพัชรินทร์ลงนามเป็นผู้ซื้อ และระบุว่ารับมอบอำนาจจากนายตู้ห่าว / หลักฐานการโอนเงินระหว่างนาย "ตู้ห่าว" กับนางพัชรินทร์ ครั้งละ 3-5 ล้านบาทอีกหลายครั้ง / และยังมีสำเนาเช็คที่นางสาวพัชรินทร์เป็นคนเซ็นจ่ายแทนนายตู้ห่าวเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งนาย "ชูวิทย์" ตั้งคำถามว่า หากนาย "ตู้ห่าว" ทำธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ทำไมถึงต้องใช้นอมินีมาถือครองทรัพย์สิน และทำธุรกรรมทางการเงินแทน

นอกจากนี้ นาย"ชูวิทย์" ยังระบุว่า ตนมีข้อมูลว่าการออกวีซ่าให้คนจีนเข้ามาอยู่ในไทยนั้น นายทุนจีนเหล่านี้ได้ซื้อโรงเรียนสอนภาษาไทยให้คนจีนอยู่ และรับรองการอยู่ในไทยในฐานะนักศึกษา ทำให้ไปต่อวีซ่าได้ตลอด / และยังได้เปิดเผยภาพถ่ายของนายหลินหลง อดีตที่ปรึกษาสมาคมพ่อค้าไทย ที่ร่วมถ่ายภาพกับข้าราชการหลายคน และแอบอ้างใส่ชุดคล้ายทหาร ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้อ้างตัวเป็นผู้มีอิทธิพลกับกลุ่มคนจีน และลักลอบตั้งสมาคมอีกหลายแห่งขึ้นมาเพื่อทำให้มีความน่าเชื่อถือ

นาย"ชูวิทย์" ยังบอกทิ้งท้ายด้วยว่า นอกจาก"กลุ่มทุนจีน" จะเข้ามาทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย และพยายามที่จะอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมายแล้ว ยังพบว่ามีการทำสิ่งที่กระทบต่อความมั่นคงต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยที่นาย"ชูวิทย์" ใช้คำว่า อุ้มท้องซื้อพ่อ ซึ่งรายละเอียดของการกระทำความผิดนี้จะขอแถลงในครั้งต่อไป

ช่วงหนึ่งของการแถลง นาย"ชูวิทย์" ยังได้เปิดเผยภาพถ่ายการก่อสร้างบ้านขนาดใหญ่กลางหุบเขาในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ที่ระบุว่าได้ข้อมูลมาว่า มีการใช้เงินจากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของต่างประเทศเพื่อมาสนับสนุนหน่วยงานยาเสพติดของไทย แล้วนำเงินไปสร้างบ้านกลางป่า คล้ายกับกรณีของการสร้างบ้านพักอัยการที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อนหน้านี้ แต่รายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย 

นอกจากนี้นาย"ชูวิทย์"  ยังได้ตั้งคำถามไปถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ว่าเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ทำไมถึงไม่เข้าไปตรวจค้นในเครื่องบินส่วนตัว มีเพียงการเข้าไปตรวจยึด ซึ่งหากตรวจค้นอาจจะได้ข้อมูลหรือหลักฐานบางอย่างที่สำคัญทางคดีเพิ่มเติม

หลังจบการแถลงข่าว นาย"ชูวิทย์" ยังได้ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือ โดยบอกว่า ทำเพื่อสาปแช่ง สันขวาน ที่พูดกล่าวหาว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลของตนมีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งนายชูวิทย์ขอยืนยันว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลทุนจีนสีเทา ก็เพื่อต้องการปกป้องประเทศ ไม่ได้มีบุคคลใดอยู่เป็นเบื้องหลัง โดยหากตนพูดไม่จริง ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ ก็ขอให้ตนพินาศ มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน แต่ถ้าหากตนพูดจริงก็ขอให้ สันขวาน มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน แล้วถ้าสันขวานเป็นอะไรไปจริงๆก็จะส่งเครื่องสังฆทานไปให้ พร้อมกับโชว์เครื่องสังฆทาน

“ สันขวาน หากินกับกลุ่มจีนสีเทา โดยใช้แต่ปากพูด แต่ไม่ได้มีข้อมูล ซึ่งข้อมูลเรื่องทุนจีนสีเทา ผมได้เริ่มพูดมาตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ก่อนที่ตำรวจจะเข้าไปบุกทลายผับจินหลิงแล้ว ดังนั้น ไม่ได้มีใครมาให้ข้อมูลกับผมแน่นอน”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ