ข่าว

ครป.เปิด 10 จุดอ่อนรัฐบาล"ลุงตู่" ชี้ปีหน้าไม่เหลือคุณค่าความเป็นรัฐบาล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ครป.เปิด 10 จุดอ่อนรัฐบาลลุงตู่ ส่งผลปีหน้าจะไม่เหลือคุณค่าในสายตาประชาชน เตรียมเจอระเบิดการเมืองอีกหลายลูก

 

26 ธ.ค. 65 คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จัดแถลงข่าวสาธารณะ "สรุปวิกฤตการเมืองที่ผ่านมา มองอนาคตการเมืองไทยไปอย่างไรต่อปีหน้า" ที่โรงแรมมณเทียรริเวอร์ไซด์ ถ.พระราม 3 นำแถลงโดย  นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์  ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ที่ปรึกษา ครป.  นายเมธา มาสขาว  เลขาธิการ ครป.

 

นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์  ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงว่า 10 จุดบอด ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นเหตุผลสำคัญว่าไม่สามารถบริหารประเทศได้คือ

 

1. ล้มเหลวในการปฏิรูปตำรวจ และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (2557 - รธน. 2560 - ปัจจุบัน) กรณีบอส กระทิง แดง ผกก.โจ้ เสี่ยโจ้ ร่างกฎหมายไปไม่ถึงไหน ฯลฯ

 

2. ความล้มเหลวในการปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย ไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เปิดกว้าง
ประชาชนทุกข์ยากลำบากมากยิ่งขึ้น เมื่อรัฐไม่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ได้เอ่ยอ้างไว้

 

ครป.เปิด 10 จุดอ่อนรัฐบาล"ลุงตู่" ชี้ปีหน้าไม่เหลือคุณค่าความเป็นรัฐบาล

3. ล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ คอรัปชั่น ระบบอุปถัมภ์ เล่นพรรคเล่นพวก กรณีนักการเมืองในสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล) ทั้งยังขาดธรรมาภิบาล จริยธรรมทางการเมือง แม้ว่าจะอวดอ้างว่า รธน. 2560 นั้นเป็น "ฉบับปราบโกง"

 

4. ล้มเหลวในการยึดหลักการสิทธิมนุษยชนในการปฏิบัติหน้าที่ ตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ วาระแห่งชาติ ที่เคยประกาศ แต่ไม่มีผลในความคืบหน้าใดๆ ไม่ยึดหลัก Non Refoulement อันเป็นสาระสำคัญของหลักมนุษยธรรมสากล ด้วยการผลักดันกลับผู้อพยพ ลี้ภัยทางการเมือง อย่างไม่ใยดี

 

ครป.เปิด 10 จุดอ่อนรัฐบาล"ลุงตู่" ชี้ปีหน้าไม่เหลือคุณค่าความเป็นรัฐบาล

 

5. ล้มเหลวในกิจการต่างประเทศ ภารกิจในทางสากล ท่าทีคบคิดกับเผด็จการทหารของพม่า ท่าทีต่อการประชุม COP26 ท่าทีต่อการร่วมประชุมผู้นำทางการเมืองระดับสูง ว่าด้วยการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน (HLPF@SDG 2030 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564) และต่อที่ประชุม UPR คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Council เมื่อเดือนตุลาคม 2564)

 

6. ล้มเหลวในการคุ้มครองสิทธิของประชาชน สิทธิของผู้บริโภค เอื้ออำนวยให้บรรษัททุนขนาดใหญ่มีการควบรวมกิจการ ทั้งด้านโทรคมนาคม ด้านการอุปโภคบริโภค ฯลฯ และจะนำมาซึ่งการผูกขาด ถือเป็นการคุกคามสิทธิของประชาชนอย่างรุนแรง ท่าทีที่เพิกเฉยในกาจัดการปัญหา แต่ขณะเดียวกันก็เออำนวยให้ทุนใหญ่ได้เติบโตมายิ่งขึ้น จึงเป็นการขัดกับหลัก "ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ" ที่รัฐพึงยึดถือเป็นแนวทางในการบริหารประเทศ

 

7. ล้มเหลวในการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ของสังคม การผลักดัน ร่าง กฎหมายเพื่อควบคุมองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ถือเป็นการ "ถอยหลังเข้าคลอง" "จมดิ่งสู่ก้นเหว" ทั้งที่ในทางสากล ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติรับรองการปฏิบัติหน้าที่ และคุ้มครองสิทธิอันชอบธรรมของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2541 ซึ่งประเทศไทยก็ได้ให้ความเห็นชอบด้วย นอกเหนือจากนี้วาระการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน ก็จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมและแรงหนุน และการเป็นหุ้นส่วนทางสังคมจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งรวมทั้งองค์การพัฒนาเอกชน องค์การสาธารณประโยชน์ องค์การไม่แสวงหาผลกำไร การผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวถูกติติงจาประชาคมระหว่างแประเทศแล้วว่า เป็นการสวนทางกับทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยแท้

 

8. ล้มเหลวในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ - รัฐบาลที่จริงใจ และชาญฉลาดย่อมไม่ใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวรุนแรงในการจัดการปัญหาที่ละเอียดอ่อน สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม รัฐบาลเพิกเฉยในการสร้างความเข้าใจ แต่กลับใช้มาตรการที่รุนแรง และมาตรการทางกฎหมายฟ้องร้องร้องคดี ปิดปากเยาวชนประชาชนผู้เห็นต่าง ที่ตกเป็นจำเลยในคดีความอาญาต่างๆ จำนวนมาก

 

9. ล้มเหลวในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับเยาวชนคนรุ่นใหม่ซึ่งถือเป็นอนาคตของชาติ ทั้งที่รัฐสามารถใช้มาตรการที่สร้างสรรค์ ถ้อยที ถ้อยอาศัย ปรึกษาหารือให้เกิดความเข้าใจ นำไปสู่การปรองดอง และความยุติธรรม - การปราบปราม การสลายการชุมนุมโดยไม่ยึดถือแนวทางที่เป็นที่ยอมรับในทางสากล จับกุมคุมขัง ใช้มาตรกาทางกฎหมาย กับเด็กเยาวชน ทั้งบางรายอายุยังไม่ถึง 18 ปีด้วยซ้ำ จนทำให้ถูกติเตียนโดยประชาคมระหว่างประเทศ เสียภาพลักษณ์และเกียรติภูมิของชาติอย่างรุนแรง น่าเป็นห่วงว่าหากความโกรธ เกลียดชังระหว่างกลุ่มชนขยายตัวไปเกิดความรุนแรงมากกว่านี้ อาจเกิดโศกนาฏกรรมเช่นเดียวกับ กรณี 6 ตุลาคม 2519 ก็อาจเป็นไปได้ จึงขอเตือนไว้มา ณ ที่นี้

 

10. ล้มเหลวในการสร้างธรรมาภิบาล และยึดถือหลักนิติธรรมในการบริหารประเทศ ด้วยการตรากฎหมาย ร่างกฎหมายฉบับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร่าง พรบ.คุ้มครองคนหายและต่อการกาซ้อมทรมาน ร่าง พรบ.ตำรวจแห่งชาติ ร่าง พรบ.องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่รัฐมีอคติ จึงต้องการตรวจสอบกลุ่มองค์กรเหล่านี้ที่อาจมีความเห็นต่างจากรัฐบาล ในข้อหาฟอกเงิน กระทบต่อความมั่นคง ฯลฯ ถือเป็นการต่อต้านการมีส่วนร่วมของสังคม ขาดจริยธรรมทางการเมืองและสังคม โดยแจ้งชัด

 

"10 ประการ ดังที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นว่า นายประยุทธ์ จันทร์ โอชา ขาดคุณสมบัติ ขาดวิสัยทัศน์ ขาดจริยธรรม ขาดเจตจำนงทางการเมือง ขาดความสามารถ และขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป" นายบุญแทนกล่าว

 

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ที่ปรึกษา ครป. กล่าวว่า รัฐบาลพยายามจะรักษาอำนาจให้ครบวาระ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ หมดคุณค่าและไม่สามารถเป็นเสาหลักของชนชั้นนำได้อีกแล้ว เพราะการสำรวจของนิด้าโพลเมื่อต้นปีที่ผ่านมาความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ จาก 29% ปัจจุบันอยู่แค่ 19ู% ซึ่งเสื่อมลงอย่างเห็นได้ชัดปรากฎการณ์เลือกตั้งซ่อมทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลพยายามช่วงชิงส่งผู้สมัคร ทั้งที่เมื่อก่อนจะไม่แข่งขันกันเอง เพื่อเอาเป็นฐานสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป และความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐเองที่แข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อคุมการนำภายในพรรคได้ ซึ่งแสดงให้เห็นการเล่นเกมอำนาจท่ามกลางความขัดแย้งและระส่ำระสายภายใน

 

นอกจากนั้นปรากฎการณ์สภาล่มที่ล้มครั้งแล้วครั้งเล่า สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอในการกำกับ ส.ส.ในสังกัดของตนเอง แสดงว่าพลังของพล.อ.ประยุทธ์ และ 3 ป.อ่อนล้าลงทุกขณะ

 

การอภิปรายไม่ไว้วางใจในปีหน้า จะแสดงว่ารัฐบาลเอาอยู่หรือไม่ หรือจะยุบสภากลางปีหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่จะถูกขับไล่โดยสภา นอกจากนั้นยังมีเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณด้วยที่อำนาจอยู่ที่ ส.ส. รวมถึงข้อเสนอปลดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ออกไปนั้น ล้วนเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้การสืบทอดอำนาจหมดลง แต่รัฐบาล 3 ป.จะยินยอมหรือไม่ เพราะจะเป็นจุดจบของตนเอง หรือจะยกมือล้มข้อเสนอนี้ตั้งแต่วาระแรก

 

"ผมคิดว่ากุนซือของรัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ได้ถ้าฉลาดมากพอในการหาทางออกจากวิกฤตการเมือง และชนชั้นนำควรจะตระหนักว่าสติปัญญาของพล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่ามาตรฐานในการสร้างการยอมรับทางสังคมและจะสร้างความอับอายให้ชนชั้นนำเอง" นายพิชาย  กล่าว

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ