ข่าว

"ทีพีไอ" เฮ ครม.ผ่อนผันพื้นที่ลุ่มน้ำทำเหมืองเพื่ออนาคตประเทศ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ทีพีไอ"ได้รับอนุมัติจากมติครม.ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ที่จังหวัดสระบุรี

เมื่อวันที่ 22 ก.ย.64 ในขณะที่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาในงาน Mission to Tranform 13 หมุดหมาย "พลิกโฉมประเทศไทย " ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยจะมีการผลักดันแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับเฉพาะกิจปี 64-65 รองรับความผันผวน พร้อมขอให้ประชาชนร่วมพลิกโฉมประเทศไทยไปด้วยกัน 

 

อีกด้านหนึ่ง ในการประชุม"คณะรัฐมนตรี"(ครม.)ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา  ที่ประชุมครม. มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการขอผ่อนผันให้บริษัท "ทีพีไอโพลีน" จำกัด (มหาชน)ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ โดยนายกฯเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีการชลอไว้ระยะหนึ่งควรเร่งเดินหน้าเนื่องจากเป็นโมเดลทางเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน 

 

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว เป็นไปตามคำขอประทานบัตรที่ 2 - 3/2553 และที่ 1 - 8/2555ที่จังหวัดสระบุรี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 และที่ 1 - 8/2555 ที่จังหวัดสระบุรี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2538 และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2544 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง    

 

โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จะได้ดำเนินการให้ครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรต่อไป  

สาระสำคัญคือ   ทีพีไอเป็นผู้ถือประทานบัตร จำนวน 10 แปลง ในพื้นที่คำขอประทานบัตรที่ 2 - 3/2553 และที่ 1 - 8/2555 ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย และตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี รวมเนื้อที่ 2,706 ไร่ 79 ตารางวา  

 

โดยการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่เพื่อการทำเหมืองในครั้งนี้ เป็นการยื่นคำขอประทานบัตรใหม่ทับพื้นที่ประทานบัตรเดิม ทั้งนี้การทำเหมืองในพื้นที่เดิมซึ่งยังมีปริมาณและคุณภาพแร่เพียงพอเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรในพื้นที่เดิมอย่างคุ้มค่า การทำเหมืองใช้เทคโนโลยีทันสมัย และเทคโนโลยีสะอาดเพื่อช่วยรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การพัฒนาพื้นที่ภายหลังการทำเหมืองจะมีลักษณะเป็นบ่อขนาดใหญ่ จากแผนการฟื้นฟูพื้นที่จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีความจุประมาณ 39.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถรองรับการใช้ในพื้นที่เพื่อการเกษตรกรรมได้ 36,000 ครัวเรือน

 

โครงการเหมืองหินดังกล่าวอยู่บนหลักโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งการขอทำเหมืองในครั้งนี้เป็นการขอทำเหมืองในพื้นที่เดิมซึ่งไม่มีสภาพป่าไม้หรือสภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เหลืออยู่ รวมถึงได้รับการพิจารณาแล้วว่าผลดีจากการทำเหมืองมีมากกว่าผลเสียที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน    การดำเนินการในขั้นตอนนี้ไม่ได้เป็นการพิจารณาอนุญาตให้ทำเหมืองแร่ แต่เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี


รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเเจ้งว่า  มติครม.ดังกล่าวในการพิจารณาการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1เอ และ 1 บีนั้น    ครม.ได้อนุมัติหลังจากทีพีไอดำเนินการเรื่องนี้อย่างถูกต้องมาห้วงเวลาหนึ่งเเล้วเเต่มีการชะลอเรื่องนี้ไว้ กระทั่งบริษัทเอกชน แจ้งกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อชี้เเจงถึงการปฏิบัติว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างถูกต้องเเละขอให้ช่วยเร่งพิจารณาเพราะกระทบการดำเนินงานของทีพีไอ

 

รายงานข่าวเเจ้งว่าพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  รับทราบเรื่องนี้มาระยะหนึ่งเเล้วจึงสั่งการไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนทราบว่าทีพีไอดำเนินการถูกต้องโปร่งใส ทำให้พล.อ. ประยุทธ์ประสานไปที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ให้เร่งเสนอเรื่องนี้ให้ครม.พิจารณา เพราะตัองทำให้ทุกอย่างโปร่งใส 


สาเหตุที่เรื่องนี้ล่าช้าอาจมาจากฝ่ายการเมืองที่กำกับดูเเลกระทรวงอุตสาหกรรมดึงวาระนี้ไว้พิจารณาเพราะกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น กลุ่มสามมิตร พรรคพลังประชารัฐได้รับมอบหมายจากพล.อ. ประยุทธ์ไปกำกับดูเเล เเละในอดีตนั้นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เเกนนำกลุ่มสามมิตร เคยร่วมงานการเมืองกับนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารทีพีไอเมื่อหลายปีก่อนในการตั้งพรรคมัชฌิมาธิปไตยเเละต่อมาเกิดอาการเเตกคอกัน 

 

"เมื่อทีพีไอดำเนินการเรื่องนี้ตามขั้นตอนเเละถูกตัอง เเต่อาจล่าช้าจากฝ่ายการเมืองบางกลุ่มในรัฐบาล เมื่อพลเอกประยุทธ์ทราบเรื่องเเละสั่งให้ตรวจสอบ จนทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงสั่งให้ครม.พิจารณาและมีมตินี้ออกมา  

 

พล.อ.ประยุทธ์ยังกำชับครม.เสมอๆว่า ต้องบริหารงานเเบบโปร่งใส ยุติธรรม ไม่เอนเอียงเเละเลือกปฏิบัติ" รายงานข่าวระบุ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ