เปิดเส้นทางหลบหนี "ผู้กำกับโจ้" สุดระทึกทีมจับ ไล่ล่ากระชั้นชิด

ภาหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าจับกุมตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ "ผู้กำกับโจ้" ผู้ต้องหาคดีทรมาน และใช้ถุงพลาสติกคลุมศรีษะเหยื่อค้ายาเสพติด จนเสียชีวิตภายในห้องปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมกับปล่อยตัวแฟนสาวของเหยื่อ โดยบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร เพื่อแลกกับอิสรภาพ ไม่ต้องถูกดำเนินคดียาเสพติด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 

 

กระทั่งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าทนพฤติกรรมของ "ผู้กำกับโจ้" ไม่ไหวจึงได้ร้องเรียนผ่านไปยังทนายชื่อดัง พร้อมกับมีการนำคลิปจากกล้องวงจรปิด มาเผยแพร่ในภายหลัง จนทำให้เกิดกระแสสังคม  โดยมีการอ้างว่า "ผู้กำกับโจ้" ลงมือทรมาน และใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหา เพื่อรีดเอาเงิน จำนวน 2 ล้านบาท จนเหยื่อเสียชีวิต พร้อมกับได้เรียกบิดาของคนตาย มาเคลียร์ในเรื่องคดี 

ต่อมากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค6 จึงได้มีคำสั่งย้ายด่วนให้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ หรือ "ผู้กำกับโจ้" เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ภ.6 โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยพ.ต.อ.ธิติสรรค์ ได้เดินทางเข้ารายงานตัว และจากนั้นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย 

กระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 23 สิงหาคม ได้มีทนายชื่อดังรายหนึ่ง นำคลิปปริศนามาเปิดโปง และเผยแพร่ จนทำให้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขว้าง เนื่องจากภาพในคลิปเป็นการทรมานผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งถูกจับในคดียาเสพติด และมีการกล่าวอ้างว่า เป็นการรีดทรัพย์จากผู้ต้องหา จำนวนเงิน 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี 
 

 

จากนั้นในวันที่ 24 สิงหาคม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ "ผู้กำกับโจ้" ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. เพื่อรอฟังผลการสอบสวนทางวินัยกรณีถูกกล่าวหาว่าทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดด้วยการใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะ เพื่อเรียกรับเงินจำนวน 2 ล้านบาท จนผู้ต้องหาเสียชีวิต

 

คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจาก พล.ต.อ. สุวัฒน์ แถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลในช่วงเย็นว่าได้รับ รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจแห่งชาติกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ หรือที่คนในพื้นที่เรียกกันว่า "ผู้กำกับโจ้" ซึ่งมีหลักฐานเชื่อได้ว่าน่าจะกระทำความผิดจริง

กระทั่งต่อมาในช่วงเช้าของวันที่ 25 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ จึงได้ทำคำร้องเสนอศาลจังหวัดนครสวรรค์ ออกหมายจับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ "ผู้กำกับโจ้" เลขที่ จ. 187/2564 ลง 25 สิงหาคม 2564 ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด , ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจกระทำการใดฯ และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

 

 

ขณะเดียกวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค6 และทีมชุดไล่ล่า พล.ต.ต.นพศิลป์ พูนสวัสดิ์ ผบก.สส.ภ.7 เข้าตรวจค้นบ้านพักของ "ผู้กำกับโจ้" ภายในหมู่บ้านชื่อดัง ย่านรามอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. โดยมีลูกจ้างที่ดูแลบ้าน ชาวสัญชาติเมียนมา 2 ราย ได้มาเปิดประตูบ้านให้ พร้อมกับระบุว่า "ผู้กำกับโจ้" ได้แวะเข้ามาบ้านพักเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา

 

โดย"ผู้กำกับโจ้" ได้ขับรถยี่ห้อมินิคูเปอร์ สีน้ำตาล ออกจากบ้านพักไปในช่วงเวลาประมาณ 15.00น. ของวันที่ 24 สิงหาคม โดยไม่ทราบจุดหมายปลายทาง 

 

 

 ต่อมาชุดไล่ล่า ได้รับทราบข้อมูล จึงได้ลงมือตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ โดยพว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ "ผู้กำกับโจ้" ได้ขับรถมุงหน้าไปทางถนนมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดชลบุรี ดังนั้น ชุดไล่ล่าจึงได้สะกดรอยตาม "ผู้กำกับโจ้" ไปอย่างกระชั้นชิด พร้อมกับรายงาน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดจับกุม ให้รับทราบเป็นระยะ ๆ 

 

  

จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ได้มีกระแสข่าวสะพัดว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ "ผู้กำกับโจ้" จะขอเข้ามอบตัว เนื่องจากได้ติดต่อกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่งเอาไว้ ขณะเดียวกัน ทีมชุดไล่ล่าก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าจับกุม แต่"ผู้กำกับโจ้" ได้โทรศัพท์นัด พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 ให้มารับตัวที่บริเวณด้านหน้า สภ.แสนสุข ในช่วงเวลา 16.00 น. พร้อมทั้งระบุว่า ห้ามพกพาอาวุธมาด้วย 

 

 

ทั้งนี้ เมื่อ พล.ต.ต.เอกรักษ์  เดินทางมาถึงจุดนัดพบ โดยรอนานประมาณ 15 นาที "ผู้กำกับโจ้" ก็ปรากฏตัวขึ้น โดยนั่งรถยนต์สีขาวมาลงยังจุดนัดหมาย  จากนั้นพล.ต.ต.เอกรักษ์  จึงนำตัว "ผู้กำกับโจ้" ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับรายงานให้ พล.ต.อ.สุฒน์ ผบ.ตร. ได้รับทราบ จากนั้นจึงได้นำตัว "ผู้กำกับโจ้" ส่งให้เจ้าหน้าตำรวจกองปราบ เพื่อทำการควบคุมตัวเอาไว้