"นพ.ธีระ วรธนารัตน์ " คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ชี้ ระบาด"โควิด-19" ส่อลากยาวไปถึงตุลาคมซ้ำด้วยระลอก 4 หนักกว่าเดิม ทางออกจำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางบริหารจัดการและกลไกนโยบายและวิชาการด้านสาธารณสุข ทั้งการควบคุมป้องกันโรค รวมถึงวัคซีน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ว่า
25 กรกฎาคม 2564
หากไม่เปลี่ยนแปลงมาตรการเพิ่มเติมไปกว่าที่เป็นอยู่ แนวโน้มกราฟการระบาดเราจะเข้าสู่เส้นทางคล้ายอดีตของอเมริการะลอกแรกหรือคล้ายเยอรมันตอนระลอกสองที่จะมีการติดเชื้อจำนวนมากไปเรื่อย ๆ หลายเดือน และจากนั้นจะมีระบาดใหม่เข้ามาทำให้หนักขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
แต่หากเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ประเทศอื่น ๆ ที่ไทยเรามีสถานการณ์ระบาดคล้ายกันกับเค้าคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อิหร่าน
ทั้งนี้ตามที่เคยได้คาดการณ์ไว้คือ จะยาวไปจนถึงปลายกันยายนหรือต้นตุลาคม แล้วจะมีโอกาสหนักเป็นระลอกสี่
โดยเป็นผลจากอิทธิพลของการระบาดทั่วโลก โดยจะเข้ามาในจังหวะที่เปิดท่องเที่ยวเปิดประเทศพอดี
จำนวนการติดเชื้อใหม่ที่รายงานในแต่ละวันนั้น เข้าใจว่ายังไม่รวมจำนวนคนที่ตรวจพบโดยวิธี Rapid antigen test ซึ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นสถานการณ์จริงจึงหนักกว่าที่เห็นตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ จำนวนเตียงในกทม.และปริมณฑลก็เข้าขั้นวิกฤติ
ณ วันนี้ เตียงสนาม มี 3,114 เตียง ใช้ไป 2,635 เตียง (84.6%) เหลือเพียง 305 เตียง
Hospitel มี 16,582 เตียง ใช้ไป 15,529 เตียง (93.6%) เหลือ 1,053 เตียง
ส่วน Cohort ward มี 11,642 เตียง ใช้ไป 12,363 เตียง รับเกินกำลังถึง 106.2%
Isolated room มี 4,344 เตียง ใช้ไป 4,560 เตียง รับเกินกำลังถึง 105%
Cohort ICU (ICU รวม) มี 422 เตียง ใช้ไป 422 เตียง รับเต็ม 100%
ห้องดัดแปลงความดันลบ (Modified AIIR) มี 566 เตียง ใช้ไป 826 เตียง รับเกินกำลังถึง (145.9%)
ห้องความดันลบ (AIIR ICU) มี 297 เตียง ใช้ไป 327 เตียง รับเกินกำลัง 110.1%
สถานการณ์เช่นนี้ คงหลับตาแล้วเห็นภาพได้ว่า เหตุใดจำนวนผู้เสียชีวิตจึงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และเป็นหลักฐานยืนยันว่าแนวทางที่ทำมาตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้นไม่สามารถจัดการการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นี่ไม่ใช่สมดุลชีวิตวิถีใหม่...
ไม่มีทางที่จะรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจได้...
แต่สถานการณ์เช่นนี้จะสั่นคลอนความมั่นคงของประเทศและคุกคามสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของทุกคนในประเทศ
ไม่ควรปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป
จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการและกลไกนโยบายและวิชาการด้านสาธารณสุข ทั้งการควบคุมป้องกันโรค รวมถึงวัคซีน
ตัดสินใจเถิดครับ...
ด้วยรักและห่วงใย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง