ข่าว

พบสาเหตุ ครูสอนพิเศษ ดับปริศนา หลังฉีด "วัคซีน" ลูกผสม เกิดจากภาวะ "สมองบวม"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมควบคุมโรค แจงครูวัย 39 ดับปณิศนา หลังฉีดวัคซีนลูกผสมเข็ม2 พบ "สมองบวม" และเลื่อนไปกดทับแกนสมอง จนทำให้เสียชีวิต แนะรอผู้เชี่ยวชาญสรุปอีกครั้ง พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจ

นายแพทย์เศวตสรร นามวาด ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉินกรมควบคุมโรค กล่าวถึงผลการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ภายหลังการฉีดวัคซีน โควิด-19 ซึ่งเป็นระบบดูแลประชาชน หลังการได้รับการฉีดวัคซีน และกรณีครูวัย 39 ปี ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิต 1 วัน หลังได้รับการฉีดวัคซีน  astrazeneca เข็มที่ 2 ซึ่งเป็นเข็มกระตุ้น ต่อจากเข็มที่ 1 ซึ่งเป็นวัคซีนซิโนแวค

   

พบสาเหตุ ครูสอนพิเศษ ดับปริศนา หลังฉีด "วัคซีน" ลูกผสม เกิดจากภาวะ "สมองบวม"

 

     

โดยได้มีการผ่าชันสูตร และทราบผลในเบื้องต้น โดยสาเหตุการเสียชีวิต มีอาการสมองบวมจากก้อนในสมอง และมีการเลื่อนไปกดทับแกนสมอง ทำให้เสียชีวิต ซึ่งต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัว สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดจะนำไปประกอบกับหลักฐานอื่นๆ เพื่อพิจารณาว่า มีความเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญที่พิจารณา จะรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ประกอบทั้งหมด ทั้งโรคประจำตัวสถานะสุขภาพอื่นๆ มาพิจารณา

 

พบสาเหตุ ครูสอนพิเศษ ดับปริศนา หลังฉีด "วัคซีน" ลูกผสม เกิดจากภาวะ "สมองบวม"

  

     

ส่วนผลการฉีดวัคซีน ข้อมูลวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 เวลา 18:00 น มีผู้ฉีดวัคซีนสะสมทั้งสิ้น 15,388,939 โดส เข็มที่ 1 จำนวน 11,805,180 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 3,583,759 ราย ซึ่งแบ่งเป็นซิโนแวค 7,933,854 โดส แอสตราเซเนกา 6,856,472 โดส ซิโนฟาร์ม 598,613 โดส 

 

โดยเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังการเข้ารับวัคซีนโควิด - 19 โดยข้อมูลถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 เข้าเกรดอาการร้ายแรง 1343 ราย เสียชีวิต 231 ราย ผู้ป่วยใน 2565 ราย

  

ซึ่งกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาแล้ว 398 ราย อยู่ระหว่างติดตามข้อมูล 1,110 ราย มีเหตุการณ์ร้ายแรง 398 ราย เกี่ยวกับวัคซีนเช่นอาการแพ้จำนวน 71 ราย ซึ่งรักษาหายทุกราย มีปฏิกิริยาเกี่ยวกับวัคซีนแต่ตรวจไม่พบความผิดปกติจำนวน 240 ราย และหายดีทั้งหมด ส่วนกรณีที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนเป็นการเจ็บป่วยรักษาหาย 36 ราย และเสียชีวิต 122 ราย และไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ 13 ราย

 

ส่วนอาการที่พบหลังจากฉีดวัคซีน ซิโนแวค พบว่า เวียนศีรษะร้อยละ 21.92 ปวดศีรษะร้อยละ 15.25 คลื่นไส้ร้อยละ 14.88 อาเจียนร้อยละ 12.43 อ่อนเพลียร้อยละ 9.37  ปวดกล้ามเนื้อร้อยละ 6.86 เป็นผื่นร้อยละ 6.4 ถ่ายเหลวร้อยละ 6 ไม่สบายตัวร้อยละ 4.41 ไข้ร้อยละ 3.9 8

 

ขณะที่อาการหลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา พบอาการข้างเคียงเป็นไข้ร้อยละ 24.5 เวียนศีรษะร้อยละ 21.9 2 ปวดศีรษะร้อยละ 15.25 คลื่นไส้ร้อยละ 14.8 ปวด กล้ามเนื้อร้อยละ 14.21 อาจเปลี่ยนร้อยละ 12.43 อ่อนเพลียร้อยละ 9.3 7 ถ่ายแต่ละ 9.05 ไม่สบายตัวร้อยละ 8.2 เป็นลมร้อยละ 3.06

 

 

 

อาการผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนชิโนฟาร์ม พบแสดงอาการเวียนศีรษะร้อยละ 30 2.35 คลื่นไส้ร้อยละ 20 9.41 อาเจียนร้อยละ 20 6.47 ปวดศีรษะร้อยละ 17.6 5 คันร้อยละ 8.8 2 อ่อนเพลียและ 8.82 ไข้ร้อยละ 8.82 เป็นผื่นร้อยละ 5.88 เป็นลมร้อยละ 5.88 เป็นผื่นแพ้ ร้อยละ 5.88

 

ขณะที่การวัดประสิทธิผลวัคซีนที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นการศึกษาทางระบาดวิทยา ในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งหากแบ่งเป็นกลุ่มที่ฉีดวัคซีนนานกว่า 14 วันขึ้นไป มีจำนวน 336 รายพบการติดเชื้อ 24 รายคิดเป็นร้อยละ 7.1 กลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีน 27 ราย ปกติเจอ 11 รายร้อยละ 47 การตั้งคำถามถึงนโยบายการฉีดวัคซีนให้ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เหตุใดจึงเหลือจำนวนที่ไม่ได้รับการฉีด จึงอธิบายว่าโรงพยาบาลต่างๆ มีการระบุพลากรเข้ามาใหม่เช่นเดียวกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งยังไม่ถึงกำหนดที่ยังได้ฉีด ซึ่งหากสรุปตามข้อมูลแล้วระบุด้วยว่ากลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีนติดเชื้อสูงกว่ากลุ่มที่ฉีดวัคซีนถึง 5.7 เท่า ซึ่งวัคซีน 2 เข็มมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อมากกว่าร้อยละ 82.5 ในกลุ่มธุรกิจวัคซีน 14 วันขึ้นไป

 

นอกจากนี้ยังมีการเก็บข้อมูลในบุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พบว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนนานกว่า 14 วันขึ้นไปมีอาการปวดอักเสบซีรายคิดเป็นร้อยละ 1.2 กลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีนพบมีอาการปอดอักเสบ 2 รายคิดเป็นร้อยละ 7.4 ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแล้วจะพบว่าผู้ที่มีอาการปอดอักเสบจะสูงถึง 6.2 เท่าในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีน ซึ่งถือได้ว่าวัคซีนที่ละแวก 2 เข็มมีประสิทธิผลในการป้องกันปอดอักเสบถึงร้อยละ 83.9

 

ทั้งนี้นายแพทย์เศวตสรร ย้ำว่า วัคซีนโควิค -19การฉีดอย่างกว้างขวางในหลายประเทศและมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเสียชีวิตและการป่วยที่รุนแรง จึงขอให้ประชาชนมีความมั่นใจ และเข้ารับการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายที่ได้มีการรณรงค์และกำหนดไว้

 

ขณะที่การฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อในบางพื้นที่ได้มีการเก็บข้อมูล อาการไม่พึงประสงค์หรือไม่ นายแพทย์ เศวตสรร ระบุว่า ในระบบหมอพร้อม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ได้มีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมายังมีความปลอดภัยดี มีกรณีที่เป็นข่าวส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่จะมีผู้เชี่ยววชาญพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์ส่วนใหญ่ก็จะมีอาการปวดหัว เป็นไข้เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีน astrazeneca ในเข็มแรก โดยทั่วไปแล้ววัคซีนถูกพิสูจน์ความปลอดภัยตั้งแต่ชนิดเดี่ยว จึงขอให้มั่นใจหากมีโอกาสข้างหน้า นำผลการเฝ้าระวังมาให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ