ข่าว

กรมชลฯ กระชับแผนบริหารน้ำฤดูฝนหลังอุตุฯคาดพายุเข้าไทย 2-3 ลูก ส.ค.-ก.ย.64

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ฤดูฝน 2564 ว่ามีแนวโน้มที่จะมีพายุเข้าไทย 2-3 ลูก  กรมชลประทานได้นำมาวางแนวบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนเพื่อเตรียมการรับสถานการณ์ ภายใต้นโยบายของรัฐบาลและ รมว.เกษตรและสหกรณ์  ที่ให้นโยบายไว้ว่าให้ทุกฝ่ายร่วมกันทำงานอย่างบูรณาการ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังสำนักชลประทานทั่วประเทศเมื่อ 7 พ.ค.64 ที่ผ่านมาว่า  ขอให้กรมชลประทานประสานความร่วมมือในการทำงานกับทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ทั้งการกักเก็บน้ำ การระบายน้ำ และการช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดเหตุอุทกภัยหรือประสบภัย

โดยเฉพาะในการกักเก็บน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในทุกกิจกรรม เนื่องจากในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด- 19 ภาคการเกษตรจะเป็นภาคส่วนเดียวที่จะสามารถช่วยเหลือพื้นฟูเศรษฐกิจประเทศได้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ฝากความหวังไว้กับภาคเกษตรที่จะช่วยนำประเทศผ่านวิกฤติได้เช่นที่ผ่านมาในทุกครั้ง  ดังนั้นน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันภาคการผลิต จึขขอให้บริหารจัดการอย่างเต็มกำลังทุกฝ่ายโดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ   

กรมชลฯ กระชับแผนบริหารน้ำฤดูฝนหลังอุตุฯคาดพายุเข้าไทย 2-3 ลูก ส.ค.-ก.ย.64

                            ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์

กรมชลฯ กระชับแผนบริหารน้ำฤดูฝนหลังอุตุฯคาดพายุเข้าไทย 2-3 ลูก ส.ค.-ก.ย.64

                                            นายประพิศ  จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน

นายประพิศ  จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน  กล่าวว่า กรมได้กระชับแผนบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนปี  2564 ให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงานโดยได้กำหนดแนวปฏิบัติไว้ อาทิ ให้มีการกำหนดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม  การทำแบบจำลองสถานการณ์ในพื้นที่น้ำล้นตลิ่ง เป็นต้น  การกำหนดเครื่องมือ เครื่องจักรและกำลังคน ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนั้นให้เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำรวมถึงการจัดพื้นที่แก้มลิงไว้สำหรับหน่วงน้ำเช่นทุ่งบางระกำที่เลื่อนการเพาะปลูกเพื่อให้เก็บเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จกลางส.ค. เพื่อใช้เก็บน้ำได้ประมาณ  400 ล้านลบ.ม.

กรมชลฯ กระชับแผนบริหารน้ำฤดูฝนหลังอุตุฯคาดพายุเข้าไทย 2-3 ลูก ส.ค.-ก.ย.64

นอกจากนั้นจะเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน การประสานกับจังหวัดในการแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า  และได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ตรวจสอบสภาพความมั่นคงของเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลาง 437 แห่ง และอาคารชลประทานทั้งหมด 1,806 แห่ง ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ   พร้อมกับใช้อาคารชลประทานในการจัดการจราจรน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

“กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ปริมาณฝนในปี  64   ระบุว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน พ.ค. ปริมาณฝนจะมากกว่าค่าฝนเฉลี่ยและมีโอกาสที่จะเกิดพายุหมุนเขตร้อนเข้าไทยประมาณ 2-3 ลูกในช่วงเดือนก.ค.-  ก.ย.  บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนและภาคเหนือ และสิ่งที่ต้องระวังในช่วงดังกล่าวคือโอกาสเกิดมรสุมในร่องความกดอากาศ อาจเกิดฝนตกหนักและต้องเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัย ซึ่ง ณ วันที่ 1 พ.ค. 64 เป็นวันเริ่มต้นการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูฝนพบว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศมีปริมาณน้ำรวมกัน 36,442 ล้านลูกบาศก์เมตร( ลบ.ม.) สามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 39,626 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,961 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ประมาณ 2,265 ล้านลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีก 15,910 ล้าน ลบ.ม.   ซึ่งกรมจะใช้เขื่อนในการบริหารน้ำ  เบื้องต้นขอความร่วมมือเกษตรกรใช้น้ำฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก“

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล  รองอธิบดีกรมชลฯ กล่าวว่าการบริหารจัดการน้ำและการรับมือฤดูฝนปี 64 นั้น กรมได้มีการนำผลวิเคราะห์และพยากรณ์ของกรมอุตุฯ ว่า รูปแบบของฝนที่ตกในปี 2564 คล้ายกับปี 2551  นำมาทำแบบจำลองวิเคราะห์สถานการณ์น้ำเพื่อคาดการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ๋ 35 แห่ง โดยเมื่อสิ้นฤดูฝนปี 64  ณ วันที่  1 พ.ย. 64 จะมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศรวม  67,066  ล้านลบ.ม.หรือ 95% น้ำใช้การได้  43,524 ล้านลบ.ม.หรือ 92%  ทั้งนี้กรมได้ทำแบบจำลองพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมไว้พร้อมทุกพื้นที่ตามแนวทิศทางที่กรมอุตุฯได้คาดการณ์   เบื้องต้นให้บริหารจัดการน้ำ ในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์เก็บกัก (RULE CURVE) 

 สำหรับบริหารจัดการในช่วงฤดูแล้ง ปี 63/64 (1 พ.ย. 63 – 30 เม.ย.64)  ณ วันที่ 30 เม.ย. 64  จบโครงการมีการใช้น้ำรวมทั้งสิ้น 16,717 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 88 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ใช้น้ำจาก 4 เขื่อนหลักรวม 4,500 ล้าน ลบ.ม. จากแผนจัดสรรน้ำ 5,000 ล้าน ลบ.ม. ผลการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งรวม 4,892 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 98 ของแผนฯ

ขณะที่ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี2563/64 ทั้งประเทศมีการเพาะปลูกรวมทั้งสิ้น5.95 ล้านไร่(แผนวางไว้ 2.45 ล้านไร่) ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอ แต่พบว่าทำนาปรัง  2.79 ล้านไร่ การบริหารน้ำได้จัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรน้ำคือเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ เป็นหลัก

พร้อมกันนี้ยังได้เดินหน้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ 56 จังหวัด 139 อำเภอ 220 ตำบล 344 หมู่บ้าน และมีการจ้างแรงงานชลประทานทั่วประเทศ ในการดำเนินงานปรับปรุงซ่อมแซม บำรุงรักษาระบบชลประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019   ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมรับการจ้างงานกว่า 63,088 รายแล้ว จากเป้าหมาย 9 หมื่นกว่าราย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ