นพ.เรวัต วิศรุตเวช อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยพูดถึงมาตรการของรัฐบาล ที่มีการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือนจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ชี้ เป็นการนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ในจุดประสงค์ที่ไม่ใช่เพื่อต้องการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า รัฐบาลใช้หมอเป็นเครื่องมือ ใช้โควิด-19 เป็นข้ออ้าง ให้ยาไม่ตรงกับโรค
การจับกุมคุณหมอทศพร เสรีรักษ์ และ เพนกวิน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับอีกหลายคนที่ทำกิจกรรมครบรอบ 6 ปี รัฐประหาร ของ คสช. เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เป็นการยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสกัดม็อบ เพราะกระบอกเสียง อย่าง ศบค. ที่แถลงทุกวัน ไม่เคย ชี้แจงหรืออธิบาย ถึงความสัมพันธ์ ระหว่าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่ามีผลอย่างไรกับการสกัดการระบาดของโรค อย่างเป็นวิชาการ
นอกจากนั้นยังเห็นได้ชัดเจนว่า รัฐบาลไม่ใส่ใจที่จะวิเคราะห์ข้อมูลว่าผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว หลายหมื่นคนนั้นมีผู้ป่วยด้วยโรคโควิดแล้วนำส่งโรงพยาบาลเพื่อการรักษาและไม่แพร่เชื้อต่อ จำนวนทั้งหมดกี่ราย ซึ่งควรแถลงให้ประชาชนทราบและเชื่อว่าเคอร์ฟิวจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น ช่วยสกัดโควิดได้จริงๆ
อีกเรื่อง ที่ควรทำแต่ก็ไม่ทำคือทุกวันตะบันตรวจวัดอุณหภูมิทุกห้าง ร้านอาหาร สถานที่ทุกแห่ง วันละหลายแสนคนแล้วพบว่ามีไข้กี่คน ควรรายงาน และถ้ามีไข้ไม่อนุญาตให้เข้าแล้วต้องนำส่งโรงพยาบาลเพื่่อตรวจโควิด โดยอำนาจ ตาม มาตรา 14 19 22 24 และ 28 พ.ร.บ.โรคติดต่อ ถ้าพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อก็รับไว้รักษาและกักกันโรค
วันนี้ชัดเจนแล้วว่า หมอถูกใช้เป็นเครื่องมือให้อ้างโควิดเพื่อยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน ทั้งที่หมอเองก็รู้แก่ใจว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ช่วยสกัดโควิด แต่ช่วยสกัดม็อบ หมอยอมขายกันจนหมดตัว ทั้งวิชาความรู้ และจรรยาบรรณโดยให้ยาไม่ตรงกับโรค ใช้ยาชื่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อรักษาอำนาจแต่ไม่รักษาโรคโควิด