ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นอีกประเทศล่าสุดที่ประกาศปิดพรมแดนไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียประกาศวันนี้ ห้ามผู้โดยสารทุกคนที่ไม่ใช่พลเมือง ผู้พำนักอาศัย หรือญาติใกล้ชิดของพลเมืองและผู้พำนักอาศัยในออสเตรเลียเดินทางเข้าประเทศ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเวลา 21.00 น.ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 17.00 น.ของวันศุกร์ตามเวลาไทย
การออกมาตรการล่าสุดมีขึ้นหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ในออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้นเป็น 637 คน และมีผู้เสียชีวิต 6 คน นายกรัฐมนตรีขอให้ชาวออสเตรเลียปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้ และให้ความมั่นใจว่า จะสามารถผ่านพ้นการระบาดครั้งนี้ไปได้
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์ ประกาศวันนี้ปิดพรมแดนไม่รับชาวต่างชาติ โดยนับจากเวลา 23.59 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 17.59 น.ตามเวลาไทย ผู้โดยสารทุกคนที่ไม่ใช่พลเมืองนิวซีแลนด์และไม่ใช่ผู้พำนักอาศัยในนิวซีแลนด์จะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้
อาร์เดิร์นชี้แจงว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการเคร่งครัดเช่นนี้เนื่องจากมีความวิตกยิ่งขึ้น เกี่ยวกับกรณีชาวต่างชาติไม่ยอมกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เธอบอกว่า นิวซีแลนด์ไม่เคยใช้มาตรการแบบนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แต่การให้ความสำคัญกับสุขภาพประชาชนและการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นภารกิจสำคัญที่สุดในเวลานี้
ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 28 คนในนิวซีแลนด์ล้วนเป็นคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง