ข่าว

หมอเล่าเรื่องวิกฤตหน้ากากอนามัยขาดแคลนต้องใช้ซ้ำทั้งอาทิตย์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ความในใจจากคุณหมอ พูดถึงวิกฤตการขาดหน้ากากอนามัยซึ่งนอกจากความเสี่ยงจะติดเชื้อแล้ว ยังต้องมารออย่างลม ๆ แล้ง ๆ ว่าเมื่อไหร่ภาครัฐจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ทำให้หลายโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนเกิดภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัยจนบางที่เข้าขั้นวิกฤต ขณะเดียวกันคุณหมอจากเพจ ใกล้มิตรชิดหมอ เล่าความในใจร่ายยาวพูดถึงวิกฤตการขาดหน้ากากอนามัย โดยระบุว่า ต้องใช้หน้ากากฯแผ่นเดิมซ้ำทั้งอาทิตย์ซึ่งนอกจากความเสี่ยงแล้ว ยังต้องมารออย่างลม ๆ แล้ง ๆ ว่าเมื่อไหร่ภาครัฐจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ 

 

สำหรับเรื่องราวดังกล่าวมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ 

 

#ความในใจจากหมอคนหนึ่ง

 

จากเหตุการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในชื่อ COVID-19 และปัญหาการขาดแคลนหน้ากากในโรงพยาบาลมีหลายอย่างมากที่อยากจะแชร์

 

ขอออกตัวก่อนว่า นี่เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของคนทำงานหน้างานคนหนึ่ง ไม่ใช่ตัวแทนของบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด ไม่ขอเหมารวมว่าทุกคนคิดแบบเดียวกันนะคะ ในฐานะคนทำงานตรวจคนไข้จริงๆ เมื่อทราบข่าวการระบาดของ COVID-19 หมอรู้สึกตื่นตัวมากกว่าจะตื่นตระหนก แน่นอนว่าไม่มีใครอยากป่วย อย่าว่าแต่ COVID-19 เลย แค่หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่หรือป่วยด้วยโรคอะไรก็ไม่อยากทั้งนั้น เหตุผลง่ายๆ ก็แค่ป่วยแล้วไม่สบายตัว ใครจะอยากป่วยกันจริงมั้ย

 

แต่วิกฤติการขาดแคลนหน้ากากอนามัยมันทำให้น่ากังวลกว่านั้น ไม่ใช่ด้วยเหตุผลแค่เสี่ยงจะติด COVID-19 แต่มันน่าวิตกและน่าเศร้ากว่านั้น บุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะหมอ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เดินเพ่นพ่านทั่ว รพ. ก็ว่าได้ ต้องเดินไปดูคนไข้ตามบริเวณต่างๆ ขึ้นกับแผนก ยกตัวอย่างเช่น หมอสูติ ต้องเดินตรวจคนไข้บนหอผู้ป่วย ที่มีทั้งคนไข้ท้อง คนไข้หลังคลอด เด็กอ่อนที่เพิ่งคลอด คนไข้มะเร็งที่มาผ่าตัด คนไข้มะเร็งที่ได้ยาเคมีบำบัด คนไข้ติดเชื้อที่ต้องระวังเชื้อดื้อยา คนไข้ที่มารักษาเรื่องมีบุตรยาก เดินลงมาดูแลคนไข้ในห้องคลอดที่รอคลอด เด็กน้อยที่เพิ่งจะคลอด ลงมาตรวจคนไข้ที่คลินิกผู้ป่วยนอก ก็มีแต่คนท้อง

 

งานผ่าตัด งานทำคลอด เสี่ยงเลือดกระเด็น น้ำคร่ำกระฉูด บางครั้งเปียกไปจนถึงชุดชั้นในต้องไปเปลี่ยนชุดสำรองก็ยังเคยมีมาแล้ว เวลาผ่าตัดโดนเลือดกระเด็นมาโดนหน้า ใส่ surgical mask ใส่แว่นไว้ยังพอช่วยได้ แต่หน้ากากผ้านี้เปียกชุ่มจนถึงข้างในแน่ๆ แน่นอนว่า ถ้าเรารู้ว่าเราป่วย เราย่อมป้องกันการแพร่เชื้อเต็มที่ แต่ถ้าเราไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ อยู่ในระยะฟักตัว เดินไปทำงานทั่วทุกแผนกที่กล่าวมานั้น จะมีคนอีกกี่คนที่ต้องเสี่ยง

 

คนไข้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ คนไข้ที่ได้ยาเคมีบำบัด คนท้อง เด็กอ่อน ก็ต้องมาเสี่ยงกับเรา เพราะแบบนี้เราจึงไม่ควรป่วยที่สุด ส่วนวิชาชีพอื่นๆ ก็เสี่ยงไม่แพ้กัน ทั้งคุณพยาบาลที่ต้องดูแลใกล้ชิดคนไข้ ทั้งที่คลินิกผู้ป่วยนอกที่ต้องคัดกรองคนไข้ทุกคน คนไข้ในที่ต้องดูแลสัมผัสตัวสัมผัสสารคัดหลั่งต่างๆ หมอฟัน ที่ต้องสัมผัสน้ำลาย คนไข้หายใจรดจมูก ทั้งคุณเภสัชกรที่ต้องคุยต้องอธิบายยาให้คนป่วยมากมาย เทคนิคการแพทย์ที่ต้องสัมผัสสารคัดหลั่ง เลือด หนอง ฉี่ อึของคนป่วย

 

เจ้าหน้าที่ทุกแผนก ทั้งห้องบัตร การเงิน เวรเปลที่ต้องสัมผัสคนป่วยด้วยโรคต่างๆ ทุกวัน พวกเราสัมผัสโรคต่างๆ เกือบจะตลอดเวลา แต่หมอไม่ได้หมายความว่า บุคลากรทางการแพทย์เท่านั้นที่ควรใช้ surgical mask คนทั่วไปไม่ควรใช้นะคะ ในภาวะที่มีการระบาดของโรค โดยเฉพาะโรคในระบบทางเดินหายใจแบบนี้ ทุกคนคงต้องป้องกันตัวเอง ไม่แปลกเลยที่ทุกคนพยายามจะหาอะไรก็ตามที่ป้องกันได้มาป้องกันตัวเองและคนที่คุณรัก (โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ในประเทศที่ไม่มีใครช่วยเราได้)

 

หมอคิดว่าการที่คนทั่วไปหาซื้อหน้ากากอนามัยมาใช้ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ รพ. ขาดแคลนหน้ากาก เราๆ ท่านๆ ก็รู้กันอยู่ว่าหน้ากากอนามัยจากโรงงานเมื่อผลิตแล้วถูกส่งไปที่ไหน และใครมีอำนาจเก็บเอาไว้ นั่นล่ะสาเหตุหลักของหน้ากากอนามัยที่หายไป

 

เพิ่มเติมประเด็นที่อาจจะมีหลายคนหยุดซื้อหน้ากาก / รู้สึกผิดที่ซื้อหน้ากาก / ประฌามคนซื้อหน้ากาก

 

ตอนนี้รู้สึกว่า แม้ว่าคนทั่วไปจะหยุดซื้อหน้ากากอนามัย หน้ากากเหล่านั้นก็น่าจะไปไม่ถึง รพ. อยู่ดีค่ะ เพราะเส้นทางหน้ากากที่ควรจะไป รพ. ถูกหน่วยงานแห่งหนึ่งดักเอาไปตั้งแต่ออกจากโรงงานแล้วค่ะ หน้ากากอนามัยที่กักตุนอยู่กับพ่อค้า แม่ค้าในตลาดที่ขายคนทั่วไปได้ เป็นส่วนน้อยค่ะ ส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน น่าจะพอเดาได้ไม่ยากนะคะ

 

การรับมือกับภาวะวิกฤติแบบขาดความรู้ ขาดการบูรณาการและขาดประสบการณ์ ทำให้ประเทศเราเดินทางมาถึงจุดนี้ ความน้อยใจอยู่ที่ การแก้ปัญหาของหน่วยงานที่รับผิดชอบในภาวะวิกฤติไม่เคยเห็นความสำคัญของคนหน้างาน (ซึ่งจริงๆ ก็มีมานานแล้ว เพียงแต่เหตุการณ์นี้แสดงความไร้เดียงสาของหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน)

 

ตั้งแต่ที่หมอโพสต์ถามเรื่องหน้ากากผ้า และมีคนติดต่อมามากมายเพื่อขอบริจาค surgical mask ให้ บางคนบอกว่ามีไม่มาก ขอบริจาค 3 ชิ้น บางคน 7 ชิ้น บางคน 10 ชิ้น หมอซาบซึ้งน้ำใจของทุกคนมากๆ แต่ก็ขอไม่รับไว้ เพราะรู้ว่าแฟนเพจทุกคนหามาด้วยความยากลำบากหรืออาจจะไม่ได้ยาก แต่ก็ต้องใช้เงินซื้อมาในราคาที่แพง จึงอยากให้ทุกคนที่มีน้ำใจ เก็บไว้ดูแลตัวเองดีกว่าค่ะ อย่างน้อยถ้าคุณและครอบครัวไม่ติดเชื้อ ก็ลดภาระงานของพวกเราลงไปได้เยอะ แต่ถ้ามีเหลือใช้จริงๆ ติดต่อ รพ. ใกล้เคียงเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้คนทำงาน เชื่อว่าคนทำงานหลายคนน่าจะมีกำลังใจขึ้นเยอะค่ะ

 

ส่วน รพ. ต่างก็พยายามช่วยเหลือตัวเอง หมอเองใส่ surgical mask อันเดิมมา 3 วันแล้ว อาศัยฉีดแอลกอฮอล์เอา ช่วยมั้ยก็ไม่รู้ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น ต้องประหยัด ส่วนพี่ๆ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล บอกว่าใส่มาทั้งสัปดาห์แล้ว ถ้าหมดจากอันนี้ก็หมดไม่มีใช้แล้ว

 

ส่วนเรื่องกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ พวกเราก็ทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว (และตอนนี้แอลกอฮอล์ ก็อาจจะหายากตามมา) ก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันหนึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะคิดได้แล้วแก้ปัญหานี้ให้ รพ.ได้ แต่ก็คงได้แต่หวัง เพราะ รมต. บอกว่าหน้ากากพอ , ตำรวจบอกว่าไม่เจอหน้ากากขายเกินราคา , กรมการค้าภายในบอกให้ รพ. เข้าคิวรอซื้อหน้ากาก เวิ่นเว้อไปก็เท่านั้น

 

หมอเมษ์ **ไม่ขอรับบริจาคหน้ากากนะคะ โพสต์นี้มีวัตถุประสงค์แค่เพียงอยากจะเล่าความจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้นค่ะ**

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ