"กฤษฏา"ปัดตอบอนาคตการเมือง ระบุไม่มีใครกำหนดได้ เดินหน้าวิสาหกิจแปลงใหญ่ทั่วประเทศดันสำเร็จ ปูพรมจัดระบบครบวงจรลุยปฏิรูปเกษตรทั้งโครงสร้าง
13 พฤษภาคม 2562 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงอนาคตทางการเมืองในรัฐบาลหน้า ว่ายังไม่มีใครกำหนดได้เป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด ทั้งนี้นายกฤษฏา ได้ส่งข้อความถึงผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ
โดยระบุว่าแนวโน้มเกษตรกรรมของไทยควรมุ่งไปสู่การรวมผืนที่ดินเป็นเกษตรแปลงใหญ่ โดยรวมเกษตรกรรายเล็กรายน้อยให้เป็น วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งจะเป็นความหวังใหม่ที่จะนำมาเป็นกลไกปฏิรูปภาคการเกษตรของไทย ช่วยให้เกษตรกรสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการมีช่องทางการจำหน่ายผลผลิตที่แน่นอนขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิต และยังช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองในการซื้อปัจจัยการผลิตและขายผลผลิตอีกด้วย
“ขนาดพื้นที่วิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ กำหนดให้มีขนาดพื้นที่ติดกันรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 500 ไร่ ขึ้นไป เพื่อก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดจากการผลิต ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง กระทรวงเกษตรฯ จะรวบรวมกลุ่มเกษตรกรที่เป็นเจ้าของที่ดินเพื่อจดทะเบียนเป็นสหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน พร้อมกัลมีการแต่งตั้ง ผู้จัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ คัดเลือกจากเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่มีศักยภาพ และต้องการทำการเกษตรเอง หรือคัดเลือกจากบุตรหลานเกษตรกรในพื้นที่ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการเกษตรกรรมขณะเป็นทหารกองประจำการของกองทัพภาคต่างๆ คัดเลือกบุตรหลานของเกษตรกรเจ้าของที่ดินที่ผ่านการอบรมหลักสูตรเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farmer) ของกรมส่งเสริมการเกษตรมาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการประจำวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่”นายกฤษฏา กล่าว
รวมทั้งใช้กลไกรัฐผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ส่งเสริมองค์ความรู้และวิทยาการจัดการสมัยใหม่แบบเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) จัดหลักสูตรอบรมให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ตลอดจนให้การแนะนำวิธีการผลิตและการจัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ที่ใช้ต้นทุนต่ำแต่ให้ผลผลิตสูงมีคุณภาพที่ดี ซึ่งภาคเอกชนกับเกษตรกร จะตกลงหารือร่วมกันก่อนว่าจะทำการเกษตรชนิดไหนหรือจะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์อะไรที่เป็นความต้องการของตลาด หลังจากนั้นให้เกษตรกรเจ้าของที่ดินจะใช้ที่ดินของตนเองลงทุนร่วมกันในวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ เหมือนการร่วมกันทำนาด้วยการลงแขกในอดีต โดยมีข้อตกลงให้เอกชนลงทุนออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องมือ เครื่องจักร หรือแนะนำวิธีการทำเกษตรกรรมสมัยใหม่และหรือรับซื้อผลผลิตของวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ โดยมีการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
ในส่วนการจำหน่ายผลผลิต มอบหมายให้สหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเกษตรกรรวบรวมผลผลิตในโครงการขายให้กับภาคเอกชน หรือส่งไปจำหน่ายในตลาด รวมทั้งส่งออกไปขายต่างประเทศ หรือขายในระบบออนไลน์ อีกทั้งเร่งส่งเสริมการยกระดับมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตจากวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ ด้วยเชิญชวนภาคเอกชนเข้ามาตั้งโรงงานรวบรวมผลผลิต หรือตั้งโรงงานแปรรูปผลผลิตของโครงการโดยตรงในลักษณะอุตสาหกรรมการเกษตร
“ต้องเร่งปรึกษาหารือกันเพื่อกำหนดภารกิจและหน่วยงานผู้รับผิดชอบแต่ละด้านในการบริหารจัดการปฏิรูปภาคการเกษตรให้ประสบความสำเร็จให้จงได้ปีนี้ ทำเกษตรตรงความต้องการตลาด ทำแล้วขายได้ ทั้งต้นทุนการผลิตจะถูกลง มีการตกลงกันก่อนปลูก จึงมีคนรับซื้อแน่นอนเหมือนโครงการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กว่า 8 แสนไร่ ที่ผลผลิตในประเทศยังขาดแคลน สามารถลดการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศได้ ดึงพื้นที่ปลูกข้าวโพดบนเขา มาพื้นราบ ที่สำคัญงดทำนาปรังรอบสอง แก้ปริมาณข้าวล้นตลาด”นายกฤษฏา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง