เด่นโซเชียล

เตือนคนติด 'มือถือ' เล่นวันละหลายชั่วโมง เสี่ยงพิการข้อศอกขยับไม่ได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เตือนคนติด 'มือถือ' เล่นวันละหลายชั่วโมง เสี่ยงพิการข้อศอกขยับไม่ได้ หินปูนเกาะเป็น 1,000 เม็ด ต้องผ่าตัดใหญ๋

เว็บไซต์ ETtoday เปิดเผยเรื่องสุดน่าตกใจว่า มีเคสทางการแพทย์สุดอันตรายและสามารถเกิดได้กับทุกคน หลังมีชายรายหนึ่งวัย 26 ปี อาศัยอยู่ที่เมืองฉางซา ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน เดินทางไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล หลังจากมีอาการปวดบวมที่ข้อศอกข้างซ้าย และไม่สามารถขยับได้ โดยแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดจากการเล่น "มือถือ"  ในชีวิตประจำวัน

 

โดยชายรายนี้ชื่อหยาง(นามสมมุติ) เป็นคนติดเกมส์ใน "มือถือ" มาก เขาจะเล่นเกมทุกวัน โดยนั่งงอข้อศอกเล่น "มือถือ" ประมาณวันละ 10 ชั่วโมง จน 2 ปีที่แล้ว หยางเริ่มรู้สึกว่าข้อศอกซ้ายบวม เหมือนมีก้อนอยู่ที่บริเวณข้อศอก ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างปกติ แต่พอไม่รู้สึกเจ็บจึงสนใจอะไร

 

จนเมื่อไม่นานมานี้ ข้อศอกเขาเริ่มมีอาการแย่ลง เขาไม่สามารถยืดและงอข้อศอกได้ มีผลต่อการใช้ชีวิต เขาจึงตัดสินใจไปพบแพทย์ ที่โรงพยาบาลกลางฉางชา แพทย์ได้ทำการเอกซเรย์ ก่อนที่ผลออกมาว่า ข้อศอกของเขาเต็มไปด้วย เม็ดหินปูน จำนวนมาก

 

มือถือ

 

มือถือ

 

สยอง 'หนอน' ฝังอยู่ในตา ขยี้ปุ๊บร่วงมาปั๊บ ไปหาหมอเจอฝังข้างในอีก 60 ตัว

มีดุ้ง 'น้ำอัดลม' แบรนด์ดัง พบสารก่อมะเร็ง ผู้เชี่ยวชาญเผยที่แท้เป็นแบบนี้

 

 

หลังจากนั้นแพทย์ทำการผ่าตัดให้นายหยาง โดยการเจาะรูเล็กเพื่อนำเอาก้อนหินปูนออกมา ก้อนกระดูกที่พบทั้งหมดมีทั้งเม็ดเล็กและเม็ดใหญ่ และเมื่อลองนับดูในข้อศอกของนายหยางมีหินปูนอยู่ถึง 1,000 เม็ด หลังผ่าตัดข้อศอกของนายหยางก็เริ่มหายดีและกลับมาปกติ

 

แพทย์ เผยว่า นายหยางเป็นโรค กระดูกอ่อนในไขข้อ (Synovial Chondromatosis) โดยเกิดจากการอักเสบภายในเยื่อหุ้มไขข้อของข้อต่อ หรือในปลอกเอ็นของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้มีการสร้างก้อนกระดูกอ่อน ที่มีรูปร่างเป็นทรงกลมขึ้นมา เมื่อนานไปก็กลายเป็นหินปูนสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่ข้อเข่า ข้อศอก และหัวไหล่

 

แพทย์เตือนว่า ใครที่ใช้ "มือถือ" เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดผลเสียอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตำแหน่งตำแหน่งสำคัญ เช่น ไหล่ คอ และข้อศอก แนะนำให้วาง "มือถือ" หลังเล่นเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วลุกขึ้นยืน และเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย 

 

มือถือ

 

 

 

 

 

ที่มา : ETtoday

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ