ดูดวงประจำวัน

เร่งสร้างบุญบริสุทธิ์ ช่วง "ราหูย้าย" ทำดีสุดขั้ว หนีชั่วสุดชีวิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลายคนอาจจะหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดาว "ราหูย้าย" แท้จริงแล้ว เราสามารถตั้งรับกับเหตุการณ์ร้ายใดๆ ที่จะเกิดแก่ชีวิตก่อนได้ เพื่อให้เป็นเหมือนการแก้เคล็ด ให้ชีวิตมีเกราะกำบังในการลดแรงกระแทกจากอิทธิพลของดาวราหูย้าย


ในช่วงที่ “ราหูย้าย” อย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วนั้น สังเกตได้ว่าจะเริ่มได้ยินคำพูดของคนรอบๆ ตัวบ่นในเชิงทั้งบวกและลบเกี่ยวกับการได้รับอิทธิพลจากการย้ายของดาวราหูกันบ้างแล้ว

 

คอลัมน์ "ไหว้ดีมีเฮง" ในสัปดาห์นี้ จึงอยากเตือนสติทุกคนที่อาจจะหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดาว "ราหูย้าย" ว่าอาจจะทำให้ชีวิตตกอยู่ภายใต้ความวุ่นวาย เดือดเนื้อร้อนใจไปอีกนานกว่า 18 เดือนนั้น แท้จริงแล้ว เราสามารถตั้งรับกับเหตุการณ์ร้ายใดๆ ที่จะเกิดแก่ชีวิตก่อนได้ เพื่อให้เป็นเหมือนการแก้เคล็ด ให้ชีวิตมีเกราะกำบังในการลดแรงกระแทกจากอิทธิพลของดาวราหูด้วยการ “ทำดีให้สุดขั้ว หนีชั่วให้สุดชีวิต”  หลีกเลี่ยงการสร้าง “กรรมใหม่” หรือ “กรรมปัจจุบัน” ในทุกวันให้ได้มากที่สุด

 

กเรื่องในโลกนี้ที่เกิดกับชีวิตเรา ไม่มีเรื่องบังเอิญ ต้องมีที่มาที่ไป มี “เหตุ” มี “ปัจจัย” สนับสนุนที่ทำให้เกิด “ผล” หรือเรื่องราวนั้นๆ ขึ้น ไม่ใช่อยู่ๆ เรื่องต่างๆ ก็เกิดขึ้นมาเอง ทุกเรื่องในชีวิตจะแย่หรือดีมากเพียงใด ทุกข์หรือสุข มีโชคหรือไม่มีโชค ก็ล้วนมาจาก “กรรมของเรา” ที่กำลังมาส่งผล เป็นการกระทำของเราเอง เคยทำมาทั้งในอดีตชาติและชาติปัจจุบัน 

ขอจงให้ความสำคัญกับ “กรรมปัจจุบัน” ที่รู้ ที่เห็น ที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะกรรมในชาติปัจจุบันนั้นส่งผลเร็ว แรงกว่ากรรมเก่าเสียอีก ในขณะที่ “กรรมเก่า” นั้น ก็ต้องเร่งหาวิธีแก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบา “ให้ยอมรับกรรมที่ทำมา แต่อย่ายอมจำนนกรรม” คือ ให้เราสำนึกผิด รู้ตัวว่า เมื่อได้ทำอะไรลงไปแล้ว ทั้งกาย วาจา ใจ ก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นไม่ว่าหนักหรือน้อยแค่ไหน 


เรื่องเลิกทำกรรมชั่ว สำคัญที่สุด เป็นเรื่องแรกที่ต้องทำก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด เพื่อให้บุญที่เคยทำมาได้มีกำลังพอแทรกมาส่งผลช่วยชีวิตเราได้ทัน ซึ่งตัวช่วยปิดบาปสำคัญ ได้เด็ดขาด คือ “ศีล 5” ทุกครั้งที่มีโอกาสจะทำบาป ให้ฉุกคิด ใช้สติไตร่ตรองสิ่งที่คิดจะทำนั้น ไม่ว่าจะทั้งกาย วาจา ใจ นั้น ผิดศีล 5 ข้อไหม ถ้าทำแล้ว สิ่งที่เราทำนั้น ทำให้ชีวิตเราตกต่ำอับอายไหม เดือดร้อนไหม คนอื่นเขาเดือดร้อนไหม มีผลต่อเรา ต่อคนอื่นไหม ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว สิ่งที่เราคิดและทำ เรากำลังส่งเสริมให้คนทำบาปไหม หรือแม้แต่เห็นคนทำบาป เรายินดีเห็นด้วยในบาปนั้นไหม 


สร้างบุญด้วยทาน ศีล ภาวนา ให้ครบถ้วนในทุกวัน ทุกๆ เช้าให้ตั้งจิตที่จะทำทาน ไม่ว่าทานเล็กน้อยใดก็ตาม สมาทานศีล 5 หรือศีล 8 หรือศีลข้อใดๆที่เราทำได้ ส่วนการภาวนานั้นทำได้ง่าย ทำได้ตลอดเวลา เพียงมีเวลาว่างสักนิด ก็ทำได้แล้ว ขอให้ตั้งจิตให้นิ่ง ทำสมาธิ กำหนดดูลมหายใจเข้าออก มีสติในขณะที่ทำ อาจจะกำกับ “พุทโธ” หรือไม่ก็ได้ จะกี่นาทีก็ได้ เราอย่าไปจำกัดตนเอง การเจริญภาวนาก็คือการเจริญปัญญา เป็นการหยุดพิจารณาในทุกๆวันว่า สิ่งที่เราเห็น ได้ยิน หรือสัมผัสในชีวิตนั้นไม่มีความแน่นอน ไม่มีอะไรเลย เราเอาอะไรไปไม่ได้เลย นอกจาก “กรรมดี” ที่ทำติดตัวเท่านั้น


เราอาจจะคิดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทำผิดบ้างในวันแรกๆ เพราะกิเลสบางเรื่องทำกันมาจนเคยชินเสียแล้ว แต่ถ้าตั้งใจอดทนอดกลั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราสามารถกำหนดจิต อธิษฐานจิตใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งเคล็ดศักดิ์สิทธิ์ในเรื่อง “การก้าวล่วงบาปกรรม” ด้วยการตั้งใจมั่นและตั้งสัจจะใหม่ว่า “กรรมนั้นๆ เป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้และตลอดไปในชาตินี้และทุกๆขาติ เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด” 


นอกจากนี้ ควรเร่งสร้างบุญบริสุทธิ์ใหม่ให้มากเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าเรามีบุญจริง ก็คงไม่เจอปัญหา ไม่ทุกข์ ไม่เจอเรื่องแย่ๆ เราต้องรู้ว่า ชีวิตที่กำลังแย่ๆ มีแต่เรื่อง เพราะบุญของเราตอนนี้น้อยมากๆ ในทุกวินาที เรามีโอกาสแก้ตัวใหม่ได้ตลอด ยิ่งเป็นบุญที่มีกำลังบริสุทธิ์มาก ยิ่งสามารถพลิกชีวิตได้ทันที เพราะกรรมหนัก ไม่ว่ากรรมดีหรือไม่ดี ถ้ามีกำลังมากกว่ากรรมอื่น ต้องส่งผลก่อนกรรมอื่นทั้งปวง 
การสร้างบุญบริสุทธิ์ที่มีกำลังมากโดยประมาณมิได้ และส่งผลกับชีวิตนั้น ไม่ใช่อยู่ที่การใช้เงินทำบุญมากๆ แต่อยู่ที่ความบริสุทธิ์มาก 3 ประการ คือ ผู้ให้ต้องบริสุทธิ์ วัตถุทานต้องบริสุทธิ์ ผู้รับหรือเนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์ 


ก่อนสร้างบุญทุกครั้ง ก็ควรท่องบทสวด “สมาทานศีล 5” เสียก่อน เพื่อชำระจิตที่ตก ที่เศร้าหมองให้จิตนั้นบริสุทธิ์มากสุดเท่าที่จะทำได้ จิตของเราที่เป็นผู้ให้ต้องบริสุทธิ์ ทั้งก่อนทำ กำลังทำ และ หลังทำบุญ ตรงนี้สำคัญมาก ไม่ใช่ทำบุญ 10 บาทแต่หวังถูกรางวัลที่ 1 ช่วยคนอื่น แต่หวังให้มีบุญคุณต่อกัน หวังให้เขามาตอบแทนเราในภายหลัง ทำบุญเอาหน้า ทำบุญอวดคน แบบนี้แทบไม่ได้บุญอะไร
ส่วนวัตถุทานยิ่งบริสุทธิ์นั้น คือ วัตถุหรือสิ่งของที่นำมาทำบุญนั้น ไม่ได้มาจากการผิดศีลธรรมหรือไปเบียดเบียนใครมา และเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากจริงต่อผู้รับหรือส่วนรวม ตรงประโยชน์ ให้ตรงกับกาลเวลาที่เหมาะสม ยิ่งได้อานิสงส์บุญมาก ในขณะที่ผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นใคร พระสงฆ์ หรือบุคคลธรรมดา ให้เราดูจากศีลและคุณธรรมของผู้รับเป็นหลัก โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ภายนอกหรือตำแหน่งยศใดๆ  หากเราไม่รู้เบื้องหลังของผู้รับ หรือไม่แน่ใจ ให้เรากำหนดจิตว่า บุญทานที่ทำนี้ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ไปเลย รับรองว่าได้ถวายเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์แน่นอน 
สำหรับการบูชาและขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจด้วยอีกทางนั้น สำคัญมากว่า เราต้องรู้ว่า ต้องขอพรจากใคร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราไปขอความช่วยเหลือนั้น ท่านมีสิ่งหรือมีอำนาจในสิ่งที่เราขอให้ท่านช่วยเหลือหรือไม่ อย่าไปขอในสิ่งที่ท่านไม่มี ทำให้ท่านต้องเป็นภาระกรรม รวมถึงอย่าขออะไรที่เกินกรรม หรือผิดศีลธรรม


สิ่งที่จะได้หรือไม่ได้นั้น อยู่ที่ “บุญของตัวผู้ขอ” เป็นหลัก อยู่ที่บุญเก่าและบุญใหม่ของเราว่ามากพอไหม ไม่ใช่อยู่ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้ท่านจะเมตตามาก แต่กฎแห่งกรรมย่อมเป็นไปตามกฎ ไม่ใช่ไปขอพรจากท่าน พอไม่ได้หรือได้ไม่ถึงแบบที่ตัวเองขอ เพราะบุญของตนเองไม่มีเลย หรือยังไม่ถึงเวลาของตน ก็พาลไปปรามาสท่าน ขอเตือนว่า ห้ามทำโดยเด็ดขาด หากไม่อยากเจอชะตาชีวิตที่หนักกว่าเดิม ให้หมั่นทำบุญสะสมต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะ “การใส่บาตรให้ทาน” ตามกำลังของตน จะหนุนบุญต่อเนื่องไม่ขาดสายทำให้อุปสรรคปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ลดน้อยถอยลงไป


CR : ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ3 พระอรหันต์ไตรภาคีมหาโชค มหาลาภ บูชาเป็น ปาฏิหาริย์เกิด


ช่องทางการติดต่อ The BooneBoon54 : kj561 / 0636535350
 

logoline