"หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Thira Woratanarat อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ "Omicron" หรือ "โอไมครอน" ล่าสุดวันนี้ (7 ก.พ.2565) ทะลุ 395 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,836,019 คน ตายเพิ่ม 6,221 คน รวมแล้วติดไปรวม 395,781,646 คน เสียชีวิตรวม 5,758,262 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็น ร้อยละ 90.11 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 80.64 ล่าสุด จำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้น คิดเป็นร้อยละ 52.43 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 29.43 เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 9 ใน 20 อันดับแรกของโลก
"หมอธีระ" ระบุว่า ระลอก "Omicron" ภาพรวมขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นขาลง เหลือบางประเทศในแถบอเมริกาใต้ และโอเชียเนีย ที่ยังเป็นช่วงขาขึ้นหรือช่วงพีค แต่ในทวีปเอเชียดูจะเป็นทวีปยังหนักกว่าเพื่อน โดยยังมีจำนวนประเทศอีกราว 20 ประเทศ ที่กำลังอยู่ในขาขึ้น หากดูอัตราการเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์ รวมถึงประเทศไทย บทเรียนที่ต้องระวังคือ การใช้กิเลสนำทาง หากโพล่งออกมาว่า ประเทศอื่นทั่วโลกเค้าเน้นผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรค
ดังนั้น เราจะทำตามเขาสิ่งที่ต้องตระหนักคือ สถานการณ์ที่ต่างกันย่อมต้องส่งผลต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ต่างกัน หากคนอื่นเขาเป็นขาลง คุมได้ดีขึ้น วัคซีนประสิทธิภาพสูง และคนได้รับอย่างครอบคลุมทุกช่วงอายุ โครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุนต่าง ๆ เข้มแข็ง ประชาชนเข้าถึงบริการที่ต้องการจำเป็นได้อย่างไม่มีปัญหา ก็ย่อมตัดสินใจไปทางนึง
แต่ในขณะที่หากเรายังเป็นขาขึ้น ผลลัพธ์การป้องกันควบคุมโรค สะท้อนออกมาให้เห็นกันชัดเจนในแต่ละวัน ทั้งที่ตัวเลขรายงานก็ยังไม่รวม ATK ที่ประชาชนดิ้นรนหาซื้อเพื่อตรวจกันเองอีกจำนวนไม่น้อย การเข้าถึงบริการในหลายพื้นที่ก็ยังมีความจำกัด การตัดสินใจเชิงนโยบายด้านการควบคุมป้องกันโรคย่อมจำเป็นต้องใช้สติ และปัญญา ตามข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสีย ดังที่เห็นมาในระลอกสอง และระลอกสาม การยกเหตุผลว่าติดง่ายก็จริง แต่ไม่รุนแรง ตัวเลขป่วยนอนไอซียู หรือใส่ท่อช่วยหายใจน้อย ตายไม่มากเมื่อเทียบกับเดลตานั้น เป็นการนำเสนอข้อมูลที่ยัง
ไม่ครบถ้วนเพื่อใช้ตัดสินใจนโยบายระดับชาติ เรื่องที่ควรนำเข้าสู่การพิจารณาสุดท้ายอีกเรื่องที่สำคัญยิ่งคือ โอกาสที่จะเกิดปัญหาระยะยาว ภาวะอาการคงค้าง หรือ Long COVID ที่ทั่วโลกต่างประสบปัญหา และต่างเร่งรีบหาทางป้องกัน และเตรียมรับมือ
ทั้งนี้ หากยังระบาดรุนแรง แต่ป้องกันควบคุมโรคไม่ดี ผ่อนคลายใช้ชีวิตเสรี การติดเชื้อย่อมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และจำนวนผู้ที่จะได้รับผลกระทบจาก
Long COVID ย่อมสูงขึ้น ส่งผลกระทบระยะยาว ทั้งต่อบุคคล ครอบครัวระบบสาธารณสุข และประเทศ สำหรับประชาชน สิ่งที่เราควรทำในสถานการณ์เช่นนี้คือ การพึ่งตนเอง ดูแลตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ดี ป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตร ดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง