คอลัมนิสต์

เซ่นขุนแลกเบี้ย ‘บิ๊กโจ๊ก’ ฝ่ากับดัก ‘เศรษฐา’ ยืนพิงฐานมวลชนปักษ์ใต้สู้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บนกระดานอำนาจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พิงพลังมวลชน เศรษฐา รุกต่อ หลังสละขุนแลกเบี้ย ปิดเกม 2 ตำรวจใหญ่ จับตาอนาคตบิ๊กโจ๊ก บนถนนการเมือง

เกมโหดเชือดนิ่ม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พิงพลังมวลชน เศรษฐา รุกต่อ หลังสละขุน แลกเบี้ย บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กต่อ ต่างมีคดีติดตัว เข้าทางเพื่อไทยจัดแถวกรมปทุมวัน


จับตาอนาคต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในระยะยาวจะเข้าสู่ถนนการเมืองหรือไม่ เมื่อยึดสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ เป็นฐานกำลัง และสะสมพลังมวลชน 


มหากาพย์ 2 บิ๊กตำรวจที่ยืดเยื้อมาแต่ต้นปีนี้ ก็ถึงจุดพีคอีกครั้งหนึ่ง เมื่อศาลอาญาออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในความผิดฐาน สมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,10
 

ก่อนหน้านั้น เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไปปฏิบัติราชการนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นให้เวลา 60 วัน เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งและตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวหากัน


ฉากย้าย 2 บิ๊กตำรวจเข้ากรุ กูรูการเมืองชี้เปรี้ยงทันทีว่า นายกฯเศรษฐา และผู้มีอำนาจหลังม่าน บรรลุเป้าหมาย ปฏิบัติการส่ง “ขุน” ไปแลก “เบี้ย” สำเร็จในยกแรก 


ในมุมคดีความ บิ๊กโจ๊กยังมีเวลาที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมไปอีกหลายปี แต่มุมอำนาจ บิ๊กโจ๊กสะดุดคดีเวบพนัน โอกาสจะขึ้นสู่ ผบ.ตร.ดูริบหรี่ แม้จะมีอายุราชการเหลืออยู่ 7-8 ปีก็ตาม


ดังนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงต้องหันไปพึ่งพลังมวลชน เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก เนื่องจากบิ๊กโจ๊ก หรือโจ๊ก หวานเจี๊ยบ ได้ทำกิจกรรมสร้างเครือข่ายมวล ชนมาอย่างต่อเนื่อง


อย่างวันที่ 2 เม.ย. 2567 หลังเข้ามอบตัวที่ สน.เตาปูน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็เดินทางไปสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ถนนกาญจนภิเษก เพื่อเป็นประธานจัดกิจกรรมถวายพระพรสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


พร้อมกับเปิดโครงการทนายอาสา โดยนำทนายความอาสาจำนวน 20 คน จากชมรมทนายความชาวปักษ์ใต้ หมุนเวียนมานั่งให้คำปรึกษา 

ผนังทองแดงกำแพงโจ๊ก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ น่าจะเป็นนายตำรวจใหญ่คนแรกๆ ที่ประชาสัมพันธ์ผลงานของตัวเองผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จึงฉายาว่า “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ก่อนที่จะมีคำสั่งย้ายฟ้าผ่าเมื่อปี 2562 


ปี 2565 บิ๊กโจ๊กกลายเป็นแมวเก้าชีวิต ได้กลับเข้ารับราชการใน สตช.อีกครั้ง คราวนี้ บิ๊กโจ๊กเดินหน้าหากองหนุนใหม่ โดยมุ่งไปที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ


สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2475 โดยมีพันตรีหลวงอภิบาลภูวนาถ เป็นนายกสมาคมคนแรก ผ่านมาถึง พ.ศ.นี้ มีนายกสมาคมมาแล้ว 26 คน


พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2544 จนถึงวันที่ 8 พ.ค. 2565 และส่งมอบตำแหน่งให้แก่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นนายกสมาคมคนใหม่


อันที่จริง สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ไม่ได้มีแค่ 14 จังหวัดภาคใต้เท่านั้น หากมีชมรมชาวปักษ์ใต้อยู่ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเทพมหานคร


นอกจากนี้ บิ๊กโจ๊กยังมี โอม-ขวัญชัย บุญสุวรรณ กรรมการสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ เป็นมือประสานสิบทิศ เข้าไปคลุกคลีกับสมาคมนักร้องลูกทุ่ง รวมถึงวงการหมัดมวย มีการจัดการแข่งขัน มวยมหากุศลสมาคมชาวปักษ์สามัคคี เป็นระยะๆ

 

 

พลังมวลชนชาวปักษ์ใต้ ฐานกำลังของบิ๊กโจ๊ก

 

เส้นทางการเมือง
“เมื่อถึงเวลาเกษียณ ไม่ต้องหาเสียงเลย คนก็อยากให้เป็นเอง” ประโยคนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยตอบคำถามสื่อ หลังมีนักข่าวถามว่า สนใจจะเล่นการเมืองหรือไม่ เมื่อหลายปีก่อน


เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าววีโอเอไทย เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของตัวเอง


บิ๊กโจ๊กเชื่อว่า การลงสู่สนามการเมืองคือวิธีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องรอให้ถึงเวลาเกษียณอายุก่อน


“เกษียณแล้วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่คนจะเรียกร้องเองว่า อยากจะให้เป็น ท่านเห็นปรากฏการณ์ของท่านชัชชาติ (ชัชชาติ สิทธิพันธุ์) ไหมครับ เพราะคนวันนี้ คนเขาถวิลหา เขาถวิลหาผู้นำที่ซื่อสัตย์ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ผู้นำที่สามารถเปลี่ยนแปลงแล้วกล้าเปลี่ยนแปลง”


ตอนท้ายการให้สัมภาษณ์สำนักข่าววีโอเอไทย บิ๊กโจ๊กบอกว่า “ผมมองว่าการเมืองประเทศไทย อีก 10 ปี มันต้องดีกว่านี้ แล้วก็ระบบต่างๆ มันก็จะดีกว่านี้”


ฉะนั้น อนาคตหลังอำลาชีวิตราชการตำรวจ เชื่อว่า ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’ ลุยสนามการเมืองแน่นอน

 

 

logoline