ทิ้งบ้านใหญ่ ‘พิธา’ เลือกคนใหม่สู้ ‘อบจ.เชียงใหม่’ ท้าชนค่ายชินวัตร

คลื่นอนาคต พิธา เลือกพันธุ์อาจ คนรุ่นใหม่ปักธง อบจ.เชียงใหม่ พร้อมสู้ตัวแทนตระกูลชินวัตร สะท้อนการเมืองใหม่ปะทะการเมืองเก่า 

การเมืองท้องถิ่นเชียงใหม่ส่อเดือด จับตาศึกสามเส้า แชมป์เก่าเพื่อไทย ก้าวไกลผู้ท้าชิง และตัวสอดแทรกบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ 

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เชียงใหม่ กลายเป็นสนามประลองกำลังการเมืองระดับชาติ ที่มีเป้าหมายเพื่อการเมืองถิ่น หลังทักษิณ ชินวัตร กลับเยี่ยมบ้านเกิด

ขณะที่ ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต สส.เชียงใหม่ ในนามบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ก็ประกาศความพร้อมที่จะลงสมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ แต่ไม่ประกาศว่า จะสวมเสื้อพรรคหรือสังกัดกลุ่มใด

ช่วงค่ำวันที่ 17 มี.ค. 2567 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล หลังเสร็จสิ้นภารกิจช่วยดับไฟป่าที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ก็ได้พบปะกับทีมผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ และสภา อบจ.เชียงใหม่ ของพรรคก้าวไกล 

 

 

 

กลางดึกคืนวันเดียวกัน ทีมงานกองโฆษกพรรคก้าวไกลได้แจกข่าวผ่านไลน์สื่อทุกสำนักว่า กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล มีมติส่ง พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ลงสมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ 

การตัดสินใจแถลงข่าวด่วนของค่ายสีส้ม คงกังวลว่า จะมีความสับสนในหมู่ด้อมส้มเชียงใหม่ เนื่องจากอดีต สส.ทัศนีย์ ประกาศจะลงสมัครนายก อบจ. และบอกว่า เธอได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

หากมองภาพการเมืองท้องถิ่นเชียงใหม่ เฉพาะสมรภูมิ อบจ.เชียงใหม่ กลายเป็นศึก 3 เส้าไปโดยปริยายคือ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ ค่ายชินวัตร, ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ตัวแทนกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม และพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ค่ายสีส้ม
 

บทเรียนคณะก้าวหน้า
ย้อนไปเมื่อปี 2563 กองเชียร์สีส้มเชียงใหม่ รู้สึกผิดหวังที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และคณะก้าวหน้า ไม่ส่งผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งเวลานั้น ธนาธรบอกว่า คณะก้าวหน้าเชียงใหม่ยังไม่มีความพร้อม จึงไม่ส่งคนลงสนาม

ต้นปี 2564 ธนาธรเปิดตัว เหมา-ธีรวุฒิ แก้วฟอง ลงสมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ โดยเป็นการร่วมมือกันของกลุ่มเชียงใหม่กว่า และคณะก้าวหน้า 

ธีรวุฒิ แก้วฟอง เป็นข้าราชการชำนาญการ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลาออกจากราชการ มาร่วมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ตั้งกลุ่มเชียงใหม่กว่า เตรียมลงสมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่

ผลการเลือกตั้งนายกเล็กเชียงใหม่ ปรากฏว่า อัศนี บูรณุปกรณ์ กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ได้ 19,198 คะแนน รองลงมาคือ ชาตรี เชื้อมโนชาญ กลุ่มเพื่อไทยนครเชียงใหม่ ได้ 16,713 คะแนน และธีรวุฒิ แก้วฟอง คณะก้าวหน้า ได้ 6,797 คะแนน

บทเรียนจากศึกนายกเล็กเชียงใหม่ ให้คำตอบว่า กระแสสีส้มยังสู้ระบบอุปถัมภ์บ้านใหญ่ไม่ได้ เพราะตระกูลบูรณุปกรณ์ ผูกขาดการบริหารเทศบาลนครเชียงใหม่มานานกว่า 30 ปีแล้ว

 

 

 

 

รุ่นน้องทักษิณ
มาถึง พ.ศ.นี้ พรรคก้าวไกล มีความพร้อมในการยึดสมรภูมิท้องถิ่นเชียงใหม่ในทุกระดับ เนื่องจากผลการเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกลได้ สส.เขต 7 ที่นั่ง จากทั้งหมด 10 ที่นั่ง

ผลคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ จ.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ได้ 469,436 คะแนน และพรรคเพื่อไทย ได้ 358,286 คะแนน นี่คือต้นทุนของก้าวไกล ในสมรภูมิท้องถิ่นเชียงใหม่

สำหรับ พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ เป็นชาวเชียงใหม่โดยกำเนิด จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย ถือว่าเป็นรุ่นน้องของ ทักษิณ ชินวัตร 

หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และปริญญาเอกจาก Aalborg University เดนมาร์ก ก็ทำงานคลุกคลีในแวดวงนวัตกรรมมาโดยตลอด 

หลังดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติฯ 2 สมัย ในปี 2566 พันธุ์อาจ หันมาทำงานด้านการส่งเสริมสตาร์ทอัพในไทย และตัดสินใจลงสู่สนามเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่  

พันธุ์อาจ มีเป้าหมายจะสร้างเชียงใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยศักยภาพด้านงานคราฟต์และไลฟ์สไตล์ที่เป็นต้นทุนดั้งเดิมของเชียงใหม่ โดยไม่ได้ทำเพียงเพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจการท่องเที่ยว แต่เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนเชียงใหม่ไปพร้อมๆ กัน

ดังนั้นต้นปี 2568 การเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ จะเป็นบทพิสูจน์ว่า การเมืองเก่าและการเมืองใหม่ คนเชียงใหม่เลือกแบบใด