คอลัมนิสต์

ปลุก 'รด.'สู้ภารกิจ '2475'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... ถอดรหัสลายพราง โดย... พลซุ่มยิง

 

 

          อาจไม่เห็นผลเร็ววันนี้ แต่ในอนาคตอีก 5 ปี หรือ 10 ปี มีความเป็นไปได้ว่านโยบายสานต่อภารกิจคณะราษฎร พ.ศ.2475 ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเห็นเป็นรูปธรรม ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงประเทศไทยจะเป็นอย่างไร จะได้ ‘ประชาธิปไตย’ ที่เข็มแข็ง หรือสังคมแตกแยก และสถาบัน ‘พระมหากษัตริย์’ จะคงอยู่ในรูปแบบใด

 

 

          แม้ ‘ธนาธร’ จะยืนยันว่าการสานต่อภารกิจ 2475 ของ ‘คณะราษฎร’ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ  ไม่ใช่การล้มล้าง แต่เป็นการทำให้สถาบัน ‘พระมหากษัตริย์’ มั่นคงสถาพร โดยการสร้างประชาธิปไตยให้เป็นอำนาจสูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง ภายใต้หลักการ 6 ประการของร่างรัฐธรรมนูญสมัยนั้น ได้แก่ เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ และการศึกษา  


          แต่นั้นก็ยังไม่ลดความครางแครงใจที่มีต่อสังคมไทย ว่าจุดยืนที่แท้จริงของ ‘อนาคตใหม่’ กับสถาบัน ‘พระมหากษัตริย์’ เป็นเช่นไร เนื่องจากพฤติกรรมอันหมิ่นเหม่ในอดีตของบุคคลภายในพรรคทั้งนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค ที่เคยเป็นหนึ่งในกลุ่ม ‘นิติราษฎร์’ เคลื่อนไหวแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 


          หรือแม้แต่การบรรยายในหัวข้อ “การเมือง ความยุติธรรม สถาบันกษัตริย์” เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ในช่วง ‘ปิยบุตร’ ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  และการเขียนหนังสือ ‘ราชมัลลงทัณฑ์ บัลลังก์ปฏิรูป’ ที่มีเนื้อหาล่อแหลม รวมทั้งพฤติกรรมของ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ภาพถ่ายไม่เหมาะสมลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อ 8 ปีที่แล้ว


          “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็เล็งเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นนี้ การปล่อยให้ “ธนาธร-ปิยบุตร” เดินสายขึ้นเวทีบรรยายและใช้โซเชียลมีเดียปลุกกระแส ‘ภารกิจ 2475’ ก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนโดยเฉพาะเป้าหมายหลักพุ่งไปยังเยาวชนรุ่นใหม่




          บริบทและสถานการณ์ทางการเมืองที่ซับซ้อนจึงกลายเป็นที่มาการปรับหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) หรือที่เรียกติดปาก ‘รด.’ ของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ตามนโยบาย พล.อ.อภิรัชต์ โดยเพิ่มความสำคัญในหมวดวิชาทั่วไปจากสัดส่วนเดิม 30% เป็น 45% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย วิชาสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย


          โดยได้รวบรวมพระปรีชาสามารถ ‘พระมหากษัตริย์’ ในแต่ละยุคสมัย โดยเน้นพระนาม ‘มหาราช’  พ่อขุนรามคำแหงมหาราช, พระเจ้าตากสินมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระนารายณ์มหาราช, พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือสมเด็จพระปิยมหาราช และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือสมเด็จพระภัทรมหาราช รวมทั้งราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-10 


          “ผบ.ทบ. อยากให้นักศึกษาวิชาทหารกว่า 300,000 คน ที่จะเติบโตเป็นกำลังหลักของกองทัพและประเทศชาติในอนาคต ได้เรียนประวัติศาสตร์เพื่อให้ระลึกถึงพระคุณของพระมหากษัตริย์ เพราะกว่าจะมีประเทศไทยในวันนี้มีความยากลำบากแค่ไหน พวกเขาจะได้ซึมซับและนำไปขยายผลต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเกราะกำบังที่เข้มแข็งในการดูแลชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ต่อไป” แหล่งข่าว นรด.ระบุ


          นอกจากนี้วิชาเพิ่มเติมเข้ามายังมีบทบาททหารกับความมั่นคงของชาติ การปฐมพยาบาลและการบรรเทาสาธารณภัย วิชาผู้นำและวิชาจิตอาสา ในขณะที่วิชาทหารถูกปรับลดจากเดิม 70% เหลือ 55% โดยกำหนดให้นักศึกษาวิชาทหารไปศึกษาและทำความเข้าใจด้วยตนเอง หากเกิดข้อสงสัยก็ให้ซักถามครูและบางวิชาสามารถนำไปเรียนรู้ในภาคสนามเป็นการลดความซ้ำซ้อนของเวลาและเนื้อหา


          การพบปะระหว่าง พล.อ.อภิรัชต์ และตัวแทนนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) จำนวน 62 คน จาก 19 โรงเรียนใน กทม.และปริมณฑล เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้ทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และกองทัพ เพื่อให้เข้าถึง ‘คนรุ่นใหม่’ ที่มีความคิดนอกกรอบ ไม่สามารถสั่ง ‘ซ้ายหัน ขวาหัน’ เฉกเช่นทหาร แต่ทุกประเด็นต้องอาศัยเหตุผลเข้ามารองรับ


          เช่นเดียวกับนโยบายการยกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนมาสมัครใจ ของ ‘อนาคตใหม่’ ที่เริ่มฝังรากในใจของนักศึกษาวิชาทหาร จนกลายเป็นหัวข้อการสนทนา แต่ยังไม่ลึกมากพอเกินกว่าจะปรับความเข้าใจให้ถูกต้อง หากกองทัพรู้จักรับฟังเหตุ เคารพเสรีภาพ ปรับกฎระเบียบให้สอดรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างที่ พล.อ.อภิรัชต์ ให้สิทธิ์ไว้ผมทรงนักเรียนไม่ต้อง "เกรียนข้างขาว” 


          การพูดคุยกับคนรุ่นใหม่คงไม่จบลงเพียงเท่านี้เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ เตรียมจะเดินสายพบปะนักศึกษาวิชาทหารที่ศูนย์ฝึกวิชาทหาร 34 แห่งทั่วประเทศ เพราะคาดหวังว่าการปรับหลักสูตรวิชาทหารใหม่นี้จะสร้างเยาวชนเป็นพลเมืองดี เติบโตเป็นกำลังสำคัญที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ