คอลัมนิสต์

หรือจะไปตายดาบหน้า?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก ฉบับวันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2562

 

 

          เหนือสิ่งอื่นใดในการเจรจาร่วมจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองก็คือโควตารัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ อันเป็นที่หมายปองของแต่ละพรรคโดยเฉพาะกระทรวงที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายของพรรคการเมืองที่หาเสียงเอาไว้ ซึ่งก็หนีไม่พ้นศูนย์รวมของเมกะโปรเจกต์ที่มีงบประมาณจำนวนมหาศาลอย่างเช่น กระทรวงคมนาคม ซึ่งมีโครงการลงทุนจำนวนมากในระดับ 2 ล้านล้านบาทขึ้นไป ทั้งที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันนทร์โอชา ไปแล้ว และที่รอการสานต่อโดยรัฐบาลใหม่ แต่เมื่อมีข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นขั้วของพล.อ.ประยุทธ์ หวงแหนกระทรวงหลักๆ ที่ต้องการเอาไว้ดูแลเองเพื่อความต่อเนื่องและสร้างผลงานให้รัฐบาล จึงทำให้การเจรจาฟอร์มรัฐบาลใหม่ติดขัด ขณะที่มีข่าวการต่อรองรัฐมนตรีกันแทบไม่เว้นวัน

 


          กระทรวงคมนาคมมีโครงการขนาดใหญ่กว่า 20 โครงการ มูลค่ากว่า 1.29 ล้านล้านบาท ได้แก่มอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ เงินลงทุน 79,006 ล้านบาท ระบบเก็บเงินมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา กับบางใหญ่-กาญจนบุรี มูลค่า 61,000 ล้านบาท ส่วนของโครงการในปีงบประมาณ 2563 มีโครงการเกิน 1,000 ล้านบาท ที่ ครม.อนุมัติผูกพันไว้แล้ว 29 โครงการ วงเงิน 52,500 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เงินลงทุน 120,459 ล้านบาท สายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 101,112 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา วงเงิน 179,412 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีแดง มูลค่าลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย 16,772 ล้านบาท รถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 8 เส้นทาง วงเงิน 340,129 ล้านบาท โครงการพัฒนาที่ดินสถานีกลางบางซื่อ 10,000 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูงดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา 224,544 ล้านบาท รถเมล์ 3,000 คันมูลค่า 12,000 ล้านบาท ซื้อเครื่องบิน 200,000 ล้านบาท ฯลฯ


          มีรายงานข่าวมาอย่างต่อเนื่องว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังเจรจาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อยู่ในขณะนี้ต้องการดูแลกระทรวงคมนาคม พาณิชย์ อุตสาหกรรม คลัง มหาดไทย และกลาโหม ซึ่งล้วนแต่เป็นหัวใจของการขับเคลื่อนนโยบายทั้งสิ้น ไม่ว่าพรรคใดจะเข้ามาเป็นแกนนำก็ตาม และนอกจากจะควบคุมดูแลเงินลงทุนจำนวนมหาศาล อย่างเช่นกระทรวงคมนาคมกระทรวงเดียวก็มีเงินลงทุนประมาณครึ่งหนึ่งของเงินงบประมาณแผ่นดินไปแล้ว ส่วนกระทรวงกลาโหมก็เป็นที่จับตาในเรื่องการจับจ่ายซื้อหาอาวุธยุทโปกรณ์ ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ก็จะทำให้รัฐบาลสามารถดูแลองค์กรปกครองส่วนท้อง อันหมายถึงผลบวกในการหาเสียงเลือกตั้งคราวต่อไปด้วย แต่กระทรวงที่เป็นที่หมายปองของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งก็คือ กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นตายร้ายดีอย่างไรพรรคพลังประชารัฐก็จะไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ


          ถือเป็นเรื่องปกติที่พรรคการเมืองต่างๆ จะต้องเจราจาต่อรองให้ได้เข้าคุมกระทรวงที่จะสามารถผลักดันนโยบายของพรรคได้ โดยต้องไม่มีวาระซ่อนเร้น หรือผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจนเป็นวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยที่ก้าวไม่พ้นปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นหรือถอนทุนคืนจากการซื้อเสียงเลือกตั้ง เอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ซึ่งประเด็นนี้ สังคมได้เรียกร้องมาตลอดนับสิบๆ ปี ให้เกิดกระบวนการปฏิรูปการเมือง รวมถึงการัฐประหารครั้งล่าสุด คณะรัฐประหารก็อ้างว่าจะเร่งปฏิรูปการเมือง แต่ท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นวังวนของระบบอุปถัมภ์ในการเมืองยุคเก่า การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งว่าแกนนำจัดตั้งจะก้าวข้ามผลประโยชน์ต่างตอบแทนได้หรือไม่ หรือจะอ่อนน้อมยอมตาม แล้วไปตายเอาดาบหน้า

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ