คอลัมนิสต์

ผลประโยชน์ทับซ้อนกับ Blind Trust

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  รู้ลึกกับจุฬาฯ

 

 

          จบการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ความโปร่งใสในการมาลงสนามการเมืองยังคงเป็นประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจกันต่อไป โดยเฉพาะกรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงนามในเอกสารบันทึกข้อตกลง (MOU) กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด เพื่อโยกทรัพย์สินที่มีอยู่กว่า 5 พันล้านบาทไปให้บุคคลที่ 3 หรือ Blind Trust เป็นผู้จัดการ พร้อมชี้แจงว่าจะได้กองทุนนี้คืนหลังจากพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว 3 ปี เพื่อประกาศให้สาธารณชนรับรู้ถึงเจตนารมณ์ในการรับใช้ประชาชน โดยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

 

 

          แต่ “Blind Trust” คืออะไร ผู้เชี่ยวชาญหลายรายก็ออกมาชี้แจงว่า จุดมุ่งหมายของ Blind trust คือการแก้ไขปัญหาเรื่องนักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์จากตำแหน่งทางการเมือง เพราะมีกลไกป้องกันไม่ให้เจ้าของทรัพย์สินเข้ามาจัดการหรือสั่งการกองทุนได้ แต่ก็มีบางคนตั้งข้อสงสัยว่าวิธีการนี้ นักการเมืองต่างประเทศใช้มานานแล้ว แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง


          ผศ.ดร.คณิสร์ แสงโชติ จากภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า วิธีการแก้ไขผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองที่มีสินทรัพย์ทางการเงินหรือหุ้นมี 2 วิธี วิธีแรกคือการขายหุ้นทิ้ง อีกวิธีคือการมีหุ้น แต่ไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่ง Blind trust จะเข้าข่ายแบบหลัง

 

          ผศ.ดร.คณิสร์ กล่าวว่า ประเทศไทยมี พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 ซึ่งกำหนดไว้ชัดเจนว่ารัฐมนตรีเป็นผู้ถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของหุ้นทั้งหมดในบริษัทจำกัดหรือมหาชน หากมีความประสงค์จะถือเกินร้อยละ 5 ต้องโอนหุ้นในบริษัทนั้นให้นิติบุคคล จะต้องส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบด้วย ในกรณีของธนาธร เป็นการสร้างมาตรฐานและมีการกำหนดว่า หุ้นที่ถูกส่งให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการมีเงื่อนไขลงทุนอย่างไร

 

          “Blind trust คือการทำให้ข้อครหาของนักการเมืองพ้นตัว ในอนาคตถ้าบริษัทหลักทรัพย์ไปลงทุนอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนักการเมืองคนนั้น อย่างหุ้นบริษัทครอบครัวตัวเองก็โอนเข้าไปได้ เพราะจะให้ขายทิ้งก็ใช่เรื่อง เลยต้องให้คนอื่นถือแทน”




          ในต่างประเทศ การสร้าง Blind trust มีวัตถุประสงค์หลากหลาย ทั้งการตั้งกองทุนเพื่อส่งมอบให้ลูกหลานในอนาคต โดยที่ไม่ให้ลูกหลานเข้ามาเกี่ยวข้อง และคอยรับมรดกเพียงอย่างเดียว


          ผู้ดูแลกองทุน หรือ Trustee เองก็มีหน้าที่ต้องยืนยันความโปร่งใสของนักการเมือง ถึงแม้ว่าจะชื่อว่า Blind แต่ก็ต้องตรวจสอบได้ ไม่ใช่ทำธุรกรรมอย่างไม่เปิดเผย อย่างไรก็ตาม อาจารย์คณิสร์ชี้ว่าถึงแม้จะบอกว่านักการเมืองห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ Blind Trust แต่ในความเป็นจริงมีช่องทางสามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีนักการเมืองนำทรัพย์สินตนเองฝากในกองทุนลักษณะนี้ ก็ควรสอดส่องดูแลด้วย


          “แม้ว่าจะมีการแสดงความบริสุทธ์ใจก็ตาม แต่ถ้าเขาคิดจะทำ ก็ทำได้แต่ยากขึ้นหน่อย ดังนั้นหน้าที่ตรวจสอบจึงเป็นของประชาชนต้องช่วยจับตาดูกัน เหมือนแคมเปญตาวิเศษเห็นนะ เราต้องร่วมมือกันจับตามองตรงนี้”


          อาจารย์คณิสร์ชี้อีกว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมืองเป็นหลักการทางประชาธิปไตย สังคมต้องสามารถตั้งคำถามได้ว่านักการเมืองคนใดมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ และร้องเรียนหรือแจ้งเหตุแก่หน่วยงานที่จะเข้ามาจัดการเรื่องนี้


          “เราควรมีกลไกใหม่ในการคุ้มครองพยาน คนที่เห็นเรื่องที่ผิดแล้วแจ้งจะต้องได้รับความคุ้มครอง เห็นเรื่องไม่ถูกต้องและสามารถพูดได้ เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้เป็นแบบนั้น และถึงแม้จะออกระบบกลไกมาดีแค่ไหนว่าห้ามทำผิด แต่ถ้าไม่มีประชาชนจับตามอง ก็มีคนทำผิดได้”


          ขณะเดียวกัน ประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน ก็อาจมีระบบกลไกใหม่ในการจัดการได้ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์เพื่อส่วนรวมของทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ


          “ยกตัวอย่างเช่นมีพนักงานบริษัทคนหนึ่งเอาเวลาทำงานไปแอบเล่นเกม เล่นเฟซบุ๊ก บริษัทเลยต้องออกมาตรการตรวจสอบ เช่น แอบติดกล้องวงจรปิดในที่ทำงาน หรือบล็อกไม่ให้เล่นเฟซบุ๊ก ยูทูบ หรือการใช้อีกวิธีคือให้พนักงานมีหุ้นบริษัท เพื่อกระตุ้นให้ตนเอง ขยันทำงาน ทำงานดี เช่นเดียวกัน ในทางการเมือง ถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐมาช่วยเฝ้าระวัง ก็ควรมีผลตอบแทนแก่คนเจ้าหน้าที่รัฐนั้นไหม”


          อาจารย์คณิสร์เสนอแนะว่าการให้แรงจูงใจเป็นอีกกระบวนการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง เช่น การให้ผลตอบแทนแก้เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโต เป็นต้น แต่กลไกดังกล่าวต้องมีการวางรูปแบบให้ชัดเจน และมีกฎหมายรองรับเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างโปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ