คอลัมนิสต์

เช็กขุมกำลัง"พปชร.""เต็มสูบลุยเลือกตั้ง"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เช็กขุมกำลัง"พปชร.""เต็มสูบลุยเลือกตั้ง" :  คมชัดลึก...ลุยเลือกตั้ง  โดย...   เร้นกาย ไร้เงา


 

          และแล้ว “พลังประชารัฐ” ได้เปิดตัวกลุ่มกำลังที่เข้ามาเสริมทัพเพื่อรองรับความพร้อมให้แก่ “พรรค” ในการลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้

 

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายเดือนที่ผ่านมากระแสข่าว "พลังประชารัฐ” ติดอันดับต้นๆ ที่สังคมและสื่อให้ความสนใจ วันนี้ภาพชัดบังเกิดแล้วเพื่อให้สังคมรับไปไตร่ตรองในการให้โอกาส

 

 

          “คนรุ่นใหม่, อดีตข้าราชการ, นักธุรกิจ, นักวิชาการ, กลุ่มทุนและอดีตนักการเมือง” นั้นพูดได้ว่า มีกันแทบทุกพรรค และพรรคต่างๆ ในวันนี้ยังแสวงหาเครือข่ายเหล่านี้เข้ามาร่วมงานการเมือง...เพียงแต่ว่าพรรคใดจะมี "สูตรผสมที่ลงตัว” และเปิดเผยชื่อออกสู่สายตาประชาชนแล้วหลายฝ่ายร้อง "ว้าว!” นั้น ต้องวัดผลว่าประชาชนไว้วางใจสูตรผสมของพรรคใดมากกว่ากัน


          “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรคยืนยันกับสมาชิกพรรคที่มาร่วมงาน ณ โรงแรมแชงกรี-ลา ว่า “พวกเราไม่มีตัวแทนอื่นใด ไม่มีพรรคสำรอง มีเพียงพรรคเดียว เราจะเดินอย่างตรงไปตรงมาเพื่อบอกกับประชาชนว่ามาร่วมกับเรา มาร่วมแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง ก้าวข้ามความขัดแย้ง นำความรุ่งโรจน์ มั่นคงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง”


          “ขอขอบคุณในความเสียสละที่อาสาจะมาร่วมแนวทางพลังประชารัฐเป็นพลังเดียว ไม่มีกลุ่ม ไม่มีสี เป็นพลังที่จะขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต"

 

 

เช็กขุมกำลัง"พปชร.""เต็มสูบลุยเลือกตั้ง"

 


          และ "เราจะสร้างสังคมปัญญาประชารัฐ ซึ่งวันนี้เราเริ่มทำแล้ว ที่จะบ่มเพาะดูแลคนไทยให้ก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างภาคภูมิให้ทัดเทียมกับต่างประเทศไม่ตกขอบแน่นอน”


          ส่วนเลขาธิการพรรค "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ระบุว่า “วันนี้ผมคิดว่าความหวังการเมืองไทย เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ในฐานะแม่บ้านพรรคยินดีขอต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมอุดมการณ์กับพรรคพลังประชารัฐ และประเทศไทยมีทางออกตั้งแต่มีพรรคประชารัฐแล้ว ถ้าไม่มีพลังประชารัฐประเทศนี้จะไร้ทางออกโดยสิ้นเชิง”

 

 

          สองคำมั่นจากปากสองคีย์แมนหลักของพปชร.ที่ย้ำไปนั้น ต้องรอดูว่าการสนองตอบจากสมาชิกพรรคที่จะ “สานฝันในคำมั่น” ให้มันเป็นจริงได้เร็ววันเพียงใด เพราะหากมันเกิดขึ้นจริงความมั่นคงของพรรคนี้ก็จะ “ยืนยาว” ท่ามกลางข้อกังหาจากบางฝ่ายว่าพรรคนี้คือพรรคเฉพาะกิจหรือพรรคชั่วคราวบนเวทีการเมืองไทย เพราะต้นกำเนิดมาจาก “ขุนพลท็อปบู๊ต” และประวัติศาสตร์บันทึกไว้หลายคราวว่า พรรคที่มีทหารหนุนหลังนั้น อนาคตมักไม่ยืนยาว


          ฉะนั้นการล้างคำครหาข้างต้น คนในพลังประชารัฐเท่านั้นที่ต้องร่วมเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่บังเกิดขึ้นให้จงได้


          หนึ่งปรากฏการณ์ที่น่าสนใจไม่น้อยคือขุนพลฝั่งการเมือง แม้ พปชร.มีองค์ประกอบเหล่านี้เกือบครบแล้ว แต่เมื่อมีการเติมเต็มในขุมกำลังจาก "คนการเมือง” ทุกสารทิศ (กลุ่มสามมิตร, อดีตส.ส.และส.ก.พรรคประชาธิปัตย์, บางส่วนจากพรรคพลังชล, กลุ่มบ้านริมน้ำ, อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย, พลังประชาชน และไทยรักไทย, อดีต ส.ส.และอดีต รมต.จากพรรคต่างๆ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น) โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ได้ฤกษ์ร่วมเปิดตัวกับ พปชร.อย่างเป็นทางการไปแล้ว เท่ากับว่า พปชร.พร้อมลงสนามเลือกตั้ง

 

 

เช็กขุมกำลัง"พปชร.""เต็มสูบลุยเลือกตั้ง"

 


          โจทย์ข้อแรกคือการขอโอกาสในการทำงานเป็นผู้แทนราษฎรใน 95,000 หน่วยเลือกตั้งทั่วไทย และต้องพร้อมที่จะแสดงความสามารถประชันกับผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคอื่นๆ ที่มีความ "ดี เด่น ดัง” ในแต่ละเขตเลือกตั้งแตกต่างกัน


          แม้การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสกังวลกับคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 16/2561 ซึ่งส่งผลลบต่อหลายพรรคและมีการพาดพิงว่าพลังประชารัฐคือหนึ่งในพรรคที่โดนกล่าวหาว่าได้รับอานิสงส์จากคำสั่งนี้ไปเต็มๆ แต่แกนนำ


          พรรคบางคนระบุว่า "พลังประชารัฐพร้อมมาก่อนหน้านี้นานแล้ว เพราะปฏิทินการเมืองของพรรคคือ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันหย่อนบัตร พรรควางจุดหมายไว้ตรงนั้น ต้องทำงานตามไทม์ไลน์ที่ตั้งไว้ ทุกอย่างพรรคต้องพร้อม  ฉะนั้นคำสั่งดังกล่าวไม่เกี่ยวกับประโยชน์ใดๆ ของพรรคแน่นอน”


          “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” หนึ่งในสามคีย์แมนกลุ่มสามมิตรซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคไทยรักไทยระบุว่า “การกล่าวหาว่ากลุ่มสามมิตรไปรับใช้ทหารนั้น ขอเรียนว่า เราเป็นพลเรือน ไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของทหาร แต่ถามว่ามีใครชักชวนให้ผมกลับมาเล่นการเมืองหลังจากที่เลิกเล่นการเมืองไปสิบกว่าปี ตอบว่ามี และคนคนนั้นผมก็ให้ความเคารพตั้งแต่สมัยทำพรรคไทยรักไทยด้วยกัน ซึ่งท่านนั้นก็มองว่าในอนาคตการเมืองหากไม่มีพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา การเมืองก็จะเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 พรรคเดิม ซึ่งในที่สุดก็อาจจะเกิดวิกฤติการเมืองอีก ดังนั้นท่านจึงคิดว่าอยากจะให้ตั้งพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือกของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกใหม่ จะได้ก้าวพ้นความขัดแย้ง”

 

 

เช็กขุมกำลัง"พปชร.""เต็มสูบลุยเลือกตั้ง"

 

 

          “จึงต้องมีพรรคทางเลือก เราจึงเข้ามาผ่านไปเกือบ 8 เดือน ต่อไปนี้จะเป็นขั้นที่ 2 จากประสบการณ์และทำโพลล์ต่างๆ ผมมั่นใจว่าได้แน่นอน 150 เสียง ส่วนขั้นที่ 3 เราต้องเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล และฟื้นฟูประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งแนวนโยบายทางภาคตะวันออกอย่างอีอีซี ถือเป็นตัวอย่างที่ดี แต่จะทำอย่างไรให้โครงการแบบนี้เกิดในภาคเหนือและอีสาน ถ้าทำสำเร็จพลังประชารัฐจะอยู่ในหัวใจคนทั้งประเทศ”

 

          คณิตศาสตร์การเมิืองซึ่งแกนนำพรรคอย่าง “สุริยะ” ประกาศชัดคือ “150 ส.ส.ต้องได้มา” นั้นตรงนี้น่าคิดต่อ... เพราะพรรคใหญ่อย่างเพิื่อไทยที่วันนี้แตกสาขาออกมาแบบนี้ น่าวิเคราะห์ว่า พรรคใหญ่ยังวิตกว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จะหล่นน้ำ หลายสิบชีวิตจึงต้องแยกเซลล์ไปยังไทยรักษาชาติ บางส่วนไปอยู่กับประชาชาติ ส่วนเพื่อชาตินั้นเก็บแต้มจากคนเสื้อแดง ขณะที่ประชาธิปัตย์ในวันนี้แม้จะอ่อนแอลงเพราะมีการย้ายพรรคของ ส.ส. รวมทั้งต้องตัดแต้มกันกับพรรคลุงกำนัน หรือพรรคขนาดกลางอย่างชาติไทยพัฒนาที่วันนี้เครื่องร้อนพอตัวหลังดึงคนการเมืองบางส่วนมาร่วมงาน ชาติพัฒนาก็ทยอยดึงคนการเมืองและแวดวงอื่นๆ มาเสริมทัพ แม้แต่ภูมิใจไทยก็ใช่ว่าจะประมาทได้


          เมื่อพรรคอันดับที่หนึ่งจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วยังอวตารแบ่งภาคตัวเองไปยังพรรคสาขา พรรคอันดับที่สองก็ใช่ว่าจะมั่นคงนักกับสถิติ ส.ส.ครั้งที่่แล้ว (ซึ่งมากสุดในประวัติศาสตร์ของพรรคสีฟ้า) ว่าที่ผู้ท้าชิงอันดับสามอย่าง “พปชร.” มั่นใจเพียงใด ? จึงกล้าเปิดตัวเลขว่าที่ ส.ส.ในสังกัดที่จะแตะหลักดังกล่าว  ขณะที่พรรคขนาดกลางอื่นๆ และพรรคใหม่ก็มีตัวเลขในใจไว้ทั้งนั้น


          สถานการณ์ยามนี้ แน่นอนแล้วว่า “มวยใหญ่” (อดีตส.ส.ของแต่ละพรรค) อาสาลง “เขตเลือกตั้ง” แทนลงใน "ปาร์ตี้ลิสต์” เช่นนี้ การเดินเกมของคนการเมืองทุกพรรคย่อมเต็มสูบ การ “ปะ-ฉะ-ดะ” มีเค้าว่าจะเกิดขึ้นในหลายเขตเลือกตั้ง และมีการประเมินแล้วว่า "วิชาใต้ดินสารพัดรูปแบบ" จะถูกนำมาใช้แน่นอน (หากพรรคใดโดนจับได้ว่าใช้วิธีสกปรกแล้วปรากฏเป็นข่าวนั้น รับรองว่ากระแสลบอัดเข้าไปที่พรรคนั้นเต็มๆ)
ฉะนั้นสิ่งที่สุริยะกล่าวไว้นั้น ต้องรอดูว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่และจะใช้ยุทธวิธีใดแย่งความนิยมของคนไทยให้เทใจเพื่อ พปชร.? หากมันบังเกิดได้ “ความฝัน” ที่ พปชร.จะปักธงเป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลย่อมมิไกลเกินจริง 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ