คอลัมนิสต์

ที่มาที่ไป'นครบาล'ขอตั้ง11โรงพักใหม่! เพื่อรับใช้ประชาชน..?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่มาที่ไป'นครบาล'ขอตั้ง11โรงพักใหม่! เพื่อรับใช้ประชาชน..? : รายงาน  โดย...  ทีมข่าวอาชญากรรม

 

          สัญญาณทางการเมืองเช่นนี้เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ประจวบกับการให้สัมภาษณ์ของ “เฉลิม อยู่บำรุง”  ที่ออกมาพูดในเชิงการเมืองเป็นครั้งแรกๆเช่นกัน โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มสามมิตร พร้อมยืนยันว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนั้น พรรคเพื่อไทยชนะขนาดแน่นอน พร้อมการันตีว่า “วัน อยู่บำรุง” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะได้เป็นรัฐมนตรี พร้อมตั้งคำถามถึงกลุ่ม “สามมิตร” ในทำนองไม่มีศักยภาพแต่กลับคุยโตโอ้อวด  ได้แค่ผู้สมัครแต่อ้างว่าได้ผู้แทนกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคมขนส่ง การเงินการธนาคาร การพาณิชย์ การสื่อสาร และความเจริญของประเทศ มีพื้นที่ทั้งหมด 1,568.737 ตารางกิโลเมตร สถิติประชากรตามทะเบียนราษฎร ของกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2560 มีจำนวน 5,682,415 คน ซึ่งยังไม่รวมประชากรแฝงที่เข้ามาทำงาน ทำธุรกิจ หรือเรียนหนังสือ กลุ่มแรงงานต่างด้าว และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลั่งไหลเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย

        เหตุผลทางด้านภูมิประเทศ รวมทั้งประชากรหลักและประชากรแฝงในพื้นที่ จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าปัญหาอาชญากรรมในกรุงเทพมหานครยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ฆาตกรรม ลัก วิ่ง ชิง ปล้น โดยมีคดีน้อยใหญ่เกิดทุกวี่วันในแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ รวมถึงปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีความพยายามแก้ไข หากลยุทธ์ แต่ก็ยังแก้ไม่ตก...! แม้จะมีหน่วยงานภาครัฐที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายอย่าง “ตำรวจ” ในนาม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) คอยกำกับดูแล แก้ไข บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่คนในพื้นที่เมืองกรุงก็ตาม  

 

ที่มาที่ไป'นครบาล'ขอตั้ง11โรงพักใหม่! เพื่อรับใช้ประชาชน..?

 

          ปัจจุบันตำรวจนครบาล มี “แม่ทัพ” เป็น “บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) โดยมีสถานีตำรวจ หรือ “โรงพัก” ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร ไว้ดูแลทุกข์สุข ป้องกันภัย ปราบเหล่าร้าย และบริการพี่น้องประชาชนคนกรุงอยู่จำนวน 88 แห่ง แต่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอกับการเจริญเติบโตของเมืองที่แผ่ขยายเพิ่มขึ้นทุกปี อันส่งผลถึงการดูแลประชาชนของตำรวจในพื้นที่มีไม่ทั่วถึง จึงทำให้ “แม่ทัพนครบาล” คนก่อนๆ เคยมีแนวคิดและขอเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตั้ง “โรงพักใหม่” เพิ่มอีก 11 แห่ง เพื่อแบ่งงานจากพื้นที่ต่างๆ ที่มีการรับผิดชอบอาณาเขตที่กว้าง ประชากรจำนานมาก จนส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมพุ่ง การจราจรหนาแน่น เป็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยเสนอไป 2 รอบแล้วแต่ถูกตีตก ไม่มีการอนุมัติให้เพิ่มโรงพักใหม่แม้แต่แห่งเดียว !?

            มาถึงยุคแม่ทัพนครบาลเป็น “บิ๊กหยม” ซึ่งเหลืออายุราชการที่จะต้องเกษียณในอีกไม่เกิน 40 วัน นับจากนี้ ได้นำเรื่องขอตั้งโรงพักใหม่มา “ปัดฝุ่น” เพื่อเสนอต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหนที่ 3 ให้พิจารณา โดยมีความหวังลึกๆ ว่า แม้จะไม่อนุมัติทั้ง 11 แห่ง แต่ขอให้ได้สัก 1 แห่งก็ยังดี เพื่อที่ตำรวจในพื้นที่จะได้ดูแลและบริการชาวบ้านอย่างทั่วถึง

          “การเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งโรงพักเพิ่มใน กทม. เพื่อต้องการเกลี่ยและกระจายงานของแต่ละโรงพักท้องที่ให้เหมาะสม เพราะบางโรงพักคดีอาชญากรรมเกิดขึ้นมาก มีพื้นที่กว้าง และดูแลประชากรเป็นจำนวนมาก โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผบช.น. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบศึกษาข้อมูลและการตั้งโรงพักเพิ่มเติม ซึ่งเบื้องต้นมีโรงพักที่จะตั้งใหม่จำนวน 11 แห่ง และได้กำหนดประชุมคณะทำงานในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นเสนอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณา และก่อนหน้านี้ บช.น.เคยเสนอไปแล้ว 2 หน จากอดีตผบช.น. 2 ท่าน แต่ก็ไม่ผ่าน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร ถือว่าเก็บไว้ใช้เป็นข้อมูลในอนาคต หรือถ้าตั้งได้บางโรงพัก ไม่ได้ทั้งหมดก็ยังดี เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน” พล.ต.ท.ชาญเทพ ระบุ

 

ที่มาที่ไป'นครบาล'ขอตั้ง11โรงพักใหม่! เพื่อรับใช้ประชาชน..?

 

          สำหรับ "ที่มาที่ไป” ของ บช.น. ที่เสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งสถานีตำรวจ(สน.)เพิ่มอีก 11 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่ 88 สน. รวมเป็น 99 สน. ได้แก่ 1.สน.สะพานสูง 2.สน.เอกชัย 3.สน.วังหิน 4.สน.จอมทอง 5.สน.บางจาก 6.สน.คลองเตย 7.สน.ราชพฤกษ์ 8.สน.คลองสามวา 9.สน.ทรายกองดิน 10.สน.ประชาอุทิศ และ 11.สน.บางบัว โดย ทาง บช.น.ให้เหตุผล ว่า สน.สะพานสูง จะแบ่งพื้นที่จาก สน.ประเวศ สน.หัวหมาก และ สน.บางชัน เนื่องจากปริมาณการเกิดคดีมีอัตราสูงขึ้น ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับเขตอำนาจศาลหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันปัจจุบัน สน.บางชัน มีประชากร 246,500 คน สน.หัวหมาก มีประชากร 261,351 คน ส่วน สน.ประเวศ มีประชากร 350,000 คน หากตั้ง สน.สะพานสูง ในพื้นที่ จะสามารถแบ่งรับผิดชอบดูแลประชากร 211,500 คน

          ส่วน สน.เอกชัย แบ่งพื้นที่จาก สน.ท่าข้าม และ สน.บางขุนเทียน เนื่องจาก สน.ท่าข้าม มีพื้นที่ขนาดใหญ่ 60.45 ตารางกิโลเมตร บางพื้นที่อยู่ไกลจาก สน.มากเกินไป ประชาชนเดินทางไม่สะดวก ส่งผลให้เข้ารับแจ้งเหตุได้ช้า รวมทั้งเพื่อรองรับความเจริญในอนาคต ทั้งนี้จากการสำรวจคดี 1 ปี สน.ท่าข้าม มีคดี 2,002 คดี สน.บางขุนเทียน 2,832 คดี หากมี สน.เอกชัย ก็จะแบ่งความรับผิดชอบคดีไปราว 1,050 คดี ขณะที่ สน.วังหิน จะแบ่งพื้นที่จาก สน.โชคชัย เพราะปริมาณการเกิดคดีมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น พื้นที่มีความเจริญอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีประชากรแฝงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ยากต่อการควบคุมปัญหาอาชญากรรม โดยพื้นที่ สน.วังหิน จะดูแลประชากร 90,000 คน เป็นการแบ่งภาระจาก สน.โชคชัย ที่ต้องรับผิดชอบดูแลประชากรถึง 340,000 คน

          ถัดมา สน.จอมทอง แบ่งพื้นที่จาก สน.บางขุนเทียน และ สน.เพชรเกษม เนื่องจากท้องที่ สน.บางขุนเทียน มีความเจริญอย่างรวดเร็ว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชุมชน มีถนนและซอยจำนวนมาก บางซอยมีขนาดเล็ก จึงยากแก่การตรวจสอบและระงับเหตุ ปริมาณคดีอาชญากรรมก็เพิ่มสูงขึ้น จากการสำรวจ สน.บางขุนเทียน มีคดี 2,832 คดี สน.เพชรเกษม 1,728 คดี ถ้าหากมี สน.จอมทอง เพิ่มขึ้นในพื้นที่ ก็จะแบ่งความรับผิดชอบไปได้ 1,797 คดี จากนั้น สน.บางจาก ได้พิจารณาแบ่งพื้นที่จาก สน.พระโขนง และ สน.บางนา เนื่องจากพื้นที่ทั้ง 2 สน. มีปัญหาด้านการจราจรอย่างหนัก ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการเข้าระงับเหตุและการบริการประชาชน

          มาดูที่เหตุผลของ สน.คลองเตย ซึ่งจะแบ่งพื้นที่จาก สน.ทองหล่อ และ สน.คลองตัน โดยให้เหตุผลการจราจรเช่นเดียวกันกับ สน.บางจาก ที่เป็นหนึ่งในโรงพักที่ขอตั้งเพิ่ม รวมทั้งพื้นที่ สน.ทองหล่อ มีประชากร 599,408 คน ส่วน สน.คลองตัน 643,542 คน หากสามารถตั้ง สน.คลองเตย ก็จะแบ่งความรับผิดชอบดูแลประชากรไปถึง 434,020 คน ต่อมาในส่วนของ สน.ราชพฤกษ์ จะแบ่งพื้นที่จาก สน.ตลิ่งชัน เพราะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ 34 ตารางกิโลเมตร โดยบางพื้นที่อยู่ไกลโรงพัก การเดินทางไม่สะดวกจึงเข้าระงับเหตุได้ช้า และเพื่อรองรับความเจริญที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง สน.ตลิ่งชัน มีปริมาณคดี 1,148 คดี หากตั้ง สน.ราชพฤกษ์ จะสามารถแบ่งคดีรับผิดชอบไปถึง 574 คดี

          มาต่อที่ สน.คลองสามวา จากการสำรวจจะต้องแบ่งจากพื้นที่ สน.คันนายาว เนื่องจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่ 54 ตารางกิโลเมตร บางพื้นที่อยู่ห่างไกลสถานีมาก จึงเข้าระงับเหตุได้ช้า เช่นเดียวกับ สน.ทรายกองดิน จะแบ่งพื้นที่จาก สน.มีนบุรี เนื่องจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากถึง 74.6 ตารางกิโลเมตร ไม่ต่างจาก สน.ประชาอุทิศ ที่จะแบ่งจากพื้นที่ สน.ราษฎร์บูรณะ ด้วยเหตุผลพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นกัน และ สน.บางบัว จะต้องแบ่งจากพื้นที่จาก สน.บางเขน, สน.ทุ่งสองห้อง และ สน.โคกคราม โดย สน.บางเขน มีขนาด 41.4 ตารางกิโลเมตร เนื่องมาจากท้องที่สน.บางเขน มีปริมาณคดีมากถึง 4,041 คดี จัดเป็นอันดับต้นๆ ของบช.น.เลยทีเดียว

 

ที่มาที่ไป'นครบาล'ขอตั้ง11โรงพักใหม่! เพื่อรับใช้ประชาชน..?

 

          ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2559 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เซ็นคำสั่งอนุมัติให้มีการตั้งโรงพักใหม่หลายแห่งในหลายจังหวัดทั่วประเทศยกเว้นในพื้นที่ บช.น. โดยในครั้งนั้นมีคณะทำงานเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้มีคำอธิบายชี้แจงว่า เพื่อเป็นการยกระดับสถานีตำรวจ สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนมากที่สุด เนื่องจากพื้นที่ต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และสภาพสังคม เมื่อความสำคัญของพื้นที่มีเพิ่มขึ้น จำนวนประชากรก็เพิ่ม สถิติคดีที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จึงเป็นหนึ่งสาเหตุที่ตำรวจต้องจัดกำลังพลเข้าไปตรวจตราให้ทั่วถึงและครอบคลุม

          ดังนั้นทุกๆ ปี ระดับกองบัญชาการ (บช.) หรือกองบังคับการ (บก.) จากส่วนต่างๆ จะวิเคราะห์พื้นที่ของตนเอง ก่อนเสนอเรื่องมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อประเมินสถานการณ์ และความเหมาะสมในการปรับเปลี่ยนเรื่องที่ร้องขอมา ซึ่งมีการยืนยันว่า การเพิ่มสถานีตำรวจใหม่นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างสถานที่เพื่อรองรับตำแหน่งให้แก่ตำรวจแต่อย่างใด แต่เป็นการพิจารณาตามความเหมาะสมของพื้นที่ และสภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยหลัก โดยต้องมีบ้าน มีที่ทำการก่อน จากนั้นตำแหน่งจึงจะตามมาทีหลัง

          อย่างไรก็ตามการตั้งสถานีใหม่เพิ่มไม่ใช่เรื่องง่าย หรือทำได้ปุ๊บปั๊บ หากแต่ต้องมีการตระเตรียมสถานที่ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องจัดงบประมาณในการสร้างสถานีอีกด้วย ต่อมาก็จะเป็นเรื่องกำลังพล หากหลับตานึกภาพการสร้างสถานีตำรวจเพิ่มอีก 11 แห่ง ก็คงใช้งบประมาณไม่ใช่น้อย พ่วงด้วยอัตรากำลังพลระดับผู้กำกับการ(ผกก.) ซึ่งมียศ พันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) พร้อมกับ ระดับรองผกก. ไปจนถึงชั้นประทวนอีกมากโข

          คงต้องรอลุ้นว่าการขอเพิ่มโรงพักในเมืองกรุงหนที่ 3 จะได้มาสักกี่แห่ง หรือจะได้แค่มือเปล่า ถ้าหากได้จริงก็ไม่อาจปฏิเสธการจับจ้องของสังคมว่า การขอตั้งโรงพักใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างแท้จริง หรือเพียงเพื่อเปิดตำแหน่งใหม่รองรับการแต่งตั้งโยกย้ายในวงการสีกากีกันแน่..!!
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ