คอลัมนิสต์

จำนำข้าว...จองจำ “ยิ่งลักษณ์” !!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บุญทรงและพวก ถูกจำคุกอยู่แล้ว ส่วน “ยิ่งลักษณ์” แม้จะยังไม่ถูกจำคุก แต่การที่เธอไม่สามารถขยับทำอะไรได้อย่างอิสระก็ไม่น่าจะต่างอะไรกับการถูก “จองจำ” !!

 

            เรื่องที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา หากไม่นับเรื่องการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 “กติกาใหม่ของประเทศ”  ก็ไม่มีเรื่องไหนใหญ่ไปกว่าเรื่อง “คดีจำนำข้าว” อีกแล้ว

            หากไม่นับถึงความเป็น “ชินวัตร” แล้ว “โครงการจำนำข้าว” คือ นโยบายหาเสียงสำคัญที่ทำให้ “ยิ่งลักษณ์” สร้างประวัติศาสตร์ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

            และสุดท้ายก็เป็นโครงการนี้ที่ทำให้ “ยิ่งลักษณ์” ต้องหายไปจากวงการเมืองและประเทศไทย

            แม้การที่ศาลตัดสินว่าเธอผิด และสั่งจำคุก 5 ปี จะเป็นความผิดที่เกิดจากส่วนที่ปล่อยให้มีการทุจริตในการระบายข้าวแบบจีทูจี ไม่ใช่การจำนำข้าวก็ตาม แต่ก็ถือว่าเกิดมาจากโครงการจำนำข้าวนั่นเอง

            วันที่ 27 กันยายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาว่า “ยิ่งลักษณ์” ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยองค์คณะมีมติ 8 ต่อ 1 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี และมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รอลงอาญา

            การอ่านคำพิพากษาของศาลดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่ “อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์” หนีไปแล้ว

            ศาลนัด “ยิ่งลักษณ์” มาฟังคำพิพากษาครั้งแรกในวันที่ 25 สิงหาคม แต่ถึงวันนัดกลับไม่เดินทางมาศาลโดยให้ทนายมาแจ้งว่าป่วย “น้ำในหูไม่เท่ากัน” ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนที่มารอให้กำลังใจจำนวนไม่น้อย

            วันนั้นศาลไม่เชื่อในเหตุผลของเธอ และเห็นว่ามีพฤติกรรมหลบหนี จึงสั่งออกมาหมายจับมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 กันยายน แต่สุดท้ายเธอก็หลบหนีไปแล้วจริงๆ และเมื่อศาลตัดสินให้จำคุก แต่เธอไม่มาปรากฏตัว จึงมีการออกหมายจับเธออีกครั้งในฐานะ “นักโทษหนีคดี”

 

จำนำข้าว...จองจำ “ยิ่งลักษณ์” !!

(อ่านต่อ...หนี?? "ยิ่งลักษณ์" อ้างป่วย เบี้ยวนัด ศาลออกหมายจับ)

            คำพิพากษาของศาลนอกจากจะทำให้ “ยิ่งลักษณ์” ต้องหลุดไปจากการเมืองตลอดชีวิต หากเธอคิดจะหนียังจะต้องหนีไปตลอดชีวิตด้วย เพราะหมายจับนี้ไม่มีอายุความ

            จากวันนั้นจนถึงวันนี้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาว่าเธออยู่หนใด แม้จะมีเสียงจากคนในพรรคเพื่อบอกว่า “เธอสบายดี”

            ที่หน้าเพจเฟซบุ๊ก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” (Yingluck Shinawatra) ซึ่งปกติเป็นพื้นที่ที่เธอใช้สื่อสารกับกลุ่มผู้สนับสนุนที่มีผู้มากดไลค์ไว้เกิน 6 ล้านไลค์ วันนี้้ยังคงนิ่งสนิท โพสต์สุดท้ายยังคงเป็นโพสต์ที่เธอบอกกลุ่มผู้สนับสนุนไม่ให้เดินทางมาศาล ที่โพสต์ไว้วันที่ 24 สิงหาคม ก่อนศาลนัดหนึ่งวัน

            ความจริงตอนที่เธอโพสต์ เธอก็คงตัดสินใจแล้วว่าจะหนี เพียงแต่ยังอ้างเหตุที่ไม่ให้ผู้สนับสนุนเดินทางมาว่าเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง

            การเดินทางมาศาลเพื่อให้กำลังใจดิฉันนั้น ครั้งนี้เราจะไม่ได้พบปะ เห็นหน้า หรือสื่อความรู้สึกถึงกันได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงได้จัดระเบียบของผู้ที่จะเดินทางมาศาลผิดไปจากทุกครั้ง... ดิฉันมีความห่วงใยต่อทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน หรือแฟนเพจ และไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายอันอาจเกิดจากมือที่สาม ดังเช่นที่ฝ่ายความมั่นคงให้เหตุผลมาโดยตลอด ดิฉันจึงขอให้ทุกท่านที่ห่วงใยและต้องการให้กำลังใจดิฉัน ไม่ต้องเดินทางมาศาลในวันพรุ่งนี้ และขอให้ทุกท่านให้กำลังใจดิฉันโดยการรับฟังข่าวสารอยู่ที่บ้าน”

            ข้อมูลล่าสุดบอกว่าที่ “อดีตนายกฯ หญิง” ยังคงเก็บตัวเงียบ เพราะเธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาอย่างไรกับอนาคตดี

            ระหว่างเลือกที่จะเป็นแบบ “พี่ชาย” คือออกมาตอบโต้ ดุดัน กรณีนี้จะมีข้อดีคือ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แต่ปัญหาคือ ที่สุดแล้วเธอคือ “ผู้หญิง” และไม่ได้มีบุคลิกเหมือนพี่ชาย

            ที่สำคัญหากเธอเลือกจะเป็นแบบ “ทักษิณ” ก็หมายความว่า เธอไม่เลือกสถานะ “ผู้ลี้ภัยทางการเมือง”

            ขณะที่เงื่อนไขการเป็นผู้ลี้ภัยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากเงื่อนไขเรื่อง “การเคลื่อนไหว” ยังมีีประเด็นเรื่อง “ภาษี” ที่ต้องจ่ายให้ประเทศนั้น โดยเฉพาะถ้าเป็นประเทศแถบยุโรป ใครๆ ก็รู้ว่า “ภาษีแพง”

            เท่าที่ทราบตอนนี้ยิ่งลักษณ์น่าจะยังไม่ได้ยื่นขอลี้ภัยด้วยซ้ำ” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งหมายถึงเธอยังตัดสินใจไม่ขาด

            นอกจาก “ยิ่งลักษณ์” ที่ลำบาก “พรรคเพื่อไทย” ก็เช่นกัน

            ชะตากรรมที่ “ยิ่งลักษณ์” เดินซ้ำรอย “ทักษิณ” น่าจะทำให้ไม่มีใครในตระกูลกล้าเดินตาม

 

จำนำข้าว...จองจำ “ยิ่งลักษณ์” !!

(อ่านต่อ...อวสาน “ชินวัตร”?)

 

            ในเบื้องต้น “นายใหญ่” จึงวาง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็น “ผู้นำ” ไปก่อน เพราะน่าจะเหมาะกับสถานการณ์นี้ที่สุด หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเธอก็น่าจะเป็นเบอร์ ในการเลือกตั้ง

            แม้จะมี “บางคน” ในตระกูล หรือ “บางกลุ่ม” ในพรรคไม่เห็นด้วย แต่เมื่อผู้มีอำนาจในพรรคเคาะมา ก็ต้องยอมตาม

            นอกจาก “ยิ่งลักษณ์” ยังมีอีกกลุ่มที่ได้รับ “ผลกรรม” จากโครงการจำนำข้าวด้วย คือกลุ่มของ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงอดีตข้าราชการและนักธุรกิจ ทั้งหมด 28 ราย ที่โดนฟ้องในข้อหาคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันเดียวกัน

            วันนั้น “ยิ่งลักษณ์” หนีไป แต่ “บุญทรง” และจำเลยส่วนหนึ่งมาศาล ซึ่งรวมถึง “ภูมิ สระผล” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และวันนั้นศาลก็อ่านคำพิพากษาทันที ซึ่งน่าจะเป็นครั้งที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองสั่งจำคุกหนักที่สุด

            คนที่โดนหนักสุดคือ “เสี่ยเปี๋ยง” นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวชื่อดัง โดนไป 48 ปี รองลงมา คือ นายบุญทรง 42 ปี นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 40 ปี ส่วนนายภูมิ โดน 36 ปี

 

จำนำข้าว...จองจำ “ยิ่งลักษณ์” !!

(อ่านต่อ...บุญทรงและพวก เจอคุกอ่วม 4 กระทง โกงระบายข้าวจีทูจี)

 

            ล่าสุดคดีนี้ยังไม่จบเพราะจำเลยขอยื่นอุทธรณ์ ในขณะที่ฝ่ายโจทก์คืออัยการก็ยังขออุทธรณ์ให้ศาลลงโทษจำเลยบางคนให้หนักขึ้น รวมถึง “บุญทรง” ด้วย

            คดีบุญทรงและพวกยังไม่จบ แต่ก็ถูกจำคุกอยู่แล้ว

            ส่วน “ยิ่งลักษณ์” แม้จะยังไม่ถูกจำคุก แต่การที่เธอไม่สามารถขยับทำอะไรได้อย่างอิสระก็ไม่น่าจะต่างอะไรกับการถูก “จองจำ” เช่นกัน !!

 

เรื่องโดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ คมชัดลึกออนไลน์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ