คอลัมนิสต์

สายนมชง อีเวนท์ “บิ๊กฉัตร” เก็บคะแนนรากหญ้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สายนมชง อีเวนท์ “บิ๊กฉัตร” เก็บคะแนนรากหญ้า

              ควันหลงจาก ครม.สัญจร ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ยังโจษขานกันไม่จบสิ้น เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ได้พูดจาภาษาดอกไม้กับนักเลือกตั้ง 4 ตระกูลดังเมืองสุพรรณ จึงถูกตีความไปต่างๆนานา ดูเหมือนทุกคนจะลืมชื่อ “พล.อ.ฉัตรชัย” ที่เป็นตัวจริงในการจัดอีเวนท์การเมืองครั้งนี้ 

สายนมชง อีเวนท์ “บิ๊กฉัตร” เก็บคะแนนรากหญ้า

             วันจันทร์ที่ 18 ก.ย.2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยระหว่างนั้น ได้ไปเยี่ยมชมนิทรรศการโรงเรียนเกษตรกรชาวนา ข้าวนาแปลงใหญ่ ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี 

              ณ จุดนี้ มีการจัดคิวให้นายกฯ ประยุทธ์ ได้พบกับเจ้าบ้านคือ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา นำทีมโดย วราวุธ ศิลปอาชา, ประภัตร โพธสุธน, สรชัด สุจิตต์, ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ และเสมอกัน เที่ยงธรรม พร้อมด้วยสองพี่น้อง “กรวีร์-ภราดร ปริศนานันทกุล” จากอ่างทอง 

            คนในพรรคชาติไทยพัฒนาบอกว่า การยกทีมมาพบนายกฯ ประยุทธ์ ก็เป็นไปตามคำสั่งสอนของ “ป๋าเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา ที่ว่า "มีมิตรพันคนถือว่าน้อย มีศัตรูเพียงคนเดียวถือว่ามาก ดังนั้นเราไม่พร้อมจะมีศัตรู"

สายนมชง อีเวนท์ “บิ๊กฉัตร” เก็บคะแนนรากหญ้า

             ฉะนั้น 4 ตระกูล “ศิลปอาชา-โพธสุธน-เที่ยงธรรม-ประเสริฐสุวรรณ” จึงไม่พร้อมที่รบรากับ “ผู้ถืออำนาจสูงสุด” และรอคอยวันเลือกตั้งอย่างเดียว

              นอกจากนี้ "วราวุธ" ได้แนะนำ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” ของพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมสนับสนุนและสนองนโยบายรัฐ โดยขอเล่นตามกติกา

               ส่วนคำพูดของเซียนการเมือง "ประภัตร" ที่ว่า "วันนี้ไม่มีทางปรองดอง ฝากบอกถึงนายกฯว่า เลือกตั้งทำไม เลือกตั้งวันนี้ก็แตกอีก แตกมากกว่าเก่า" เป็นการพูดย้ำอีกครั้ง หลังจากเคยพูดมาแล้วเมื่อ 17 เม.ย.2560 ณ บ้านเรือนไทย ต.วังน้ำซับ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งในวันดังกล่าวประภัตรเปิดบ้านให้ประชาชนรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์

           คอลัมนิสต์หลายสำนักข่าวต่างพุ่งเป้าที่ลีลาหาเสียงแบบ "นักเลือกตั้ง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ และท่าทีของแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา บ้างว่าปลาไหล บ้างว่าแทงกั๊ก

            ทุกคนดูลืมไปว่า "กระทรวงเกษตรและสหกรณ์" อยู่ในการดูแลของพรรคชาติไทยพัฒนา มายาวนาน นับแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ จนมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนมีคนค่อนขอดว่า “รัฐมนตรีเกษตรตัวจริง” คือ บรรหาร ศิลปอาชา

            หากส่องลึกเข้าไปอีก ก็จะพบว่า “กรมชลประทาน” นั้น “ป๋าเติ้ง” ได้เข้าไปมอบความรักความอบอุ่นให้แก่ข้าราชการ ตั้งแต่ระดับอธิบดียันหัวหน้าโครงการชลประทาน

             ธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เป็นอธิบดีกรมชลประทานมาก่อน 

               ลูกหม้อกรมชลประทาน เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ที่ได้เป็นปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันนี้ ก็มีความสนิทสนมกับ “ป๋าเติ้ง” มาแต่ครั้งเป็นอธิบดีกรมชลประทาน ยุคน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 

                อธิบดีกรมชลประทานคนใหม่ ในยุคทหารครองเมืองคือ ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ ถือเป็นดาวรุ่งของกรมชลประทาน เรียนเก่งเป็นที่ 1 ของนักเรียนช่างชลประทานรุ่นที่ 34 และที่สำคัญก็เป็นลูกรักของ “ป๋าเติ้ง” มาตั้งแต่เป็นนายช่างชลประทาน 

สายนมชง อีเวนท์ “บิ๊กฉัตร” เก็บคะแนนรากหญ้า

             เหนืออื่นใด อีเวนท์ ครม.สัญจร “ลุ่มท่าจีน-เจ้าพระยา-ป่าสัก” รอบนี้ แม่งานใหญ่คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มี “บิ๊กนมชง” หรือ “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

              “บิ๊กฉัตร” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ตั้งแต่ 19 สิงหาคม 2558 ในช่วงแรกดูยังจับทิศทางไม่ถูก จึงไม่ค่อยมีผลงานปรากฏอย่างเป็นรูปธรรม แต่ “บิ๊กฉัตร” เพื่อนรักของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนเก่ง แม้จะเริ่มมาจากสายทหารช่าง แต่ก็มีความเชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ-การเงิน มากที่สุดคนหนึ่งของกองทัพบก โดยเป็นถึงเจ้ากรมการเงินทหารบก เป็นอดีตรองปลัดบัญชีทหารบก

             ที่สำคัญ “บิ๊กฉัตร” ยังเคยเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นที่รู้กันดีว่า ผู้ที่ ผบ.ทบ.ส่งเข้ามาดูแลขุมทรัพย์ช่อง 5 จะต้องได้รับความไว้วางใจอย่างสูง เพราะมันเป็นงานของ “ขุนคลัง ทบ.” อย่างนั้นเลยทีเดียว

                ต้องยอมรับว่า ช่วงหลังกระทรวงเกษตรฯ ของ “บิ๊กฉัตร” มีผลงานเด่นๆ ออกมาหลายโครงการ และเรื่องการประชาสัมพันธ์การทำงานของรัฐมนตรีเกษตรฯ ไม่ได้ขาดตกบกพร่อง เพราะมีทีมงานที่นับว่าเป็นคนไม่ธรรมดาอย่าง “เสี่ยจ๊ะ” ธนพร ศรียางกูร มือทำงานการเมืองระดับเซียนไร้ร่องรอย

           “เสี่ยจ๊ะ” บอกว่า ปี 2558 ได้รับการติดต่อจากทีมงานของ พล.อ.ฉัตรชัย ให้เข้าไปทำงานช่วยเหลือเกษตรกร เนื่องจากเห็นว่ามีประสบการณ์ในการประสานงานกับเกษตรกร โดยได้รับมอบหมายให้แก้ไขปัญหาที่เกิดผลกระทบกับเกษตรกรรากหญ้า

             การเลือกใช้ “เสี่ยจ๊ะ” นับว่า “บิ๊กฉัตร” เลือกได้ถูกคน เพราะเสี่ยจ๊ะแพรวพราวมากไปด้วยเหลี่ยมคูการเมือง เพราะเคยเป็นกุนซือให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน หรือเป็น “เด็กในบ้านวังน้ำยม” ที่เจ้าพ่อสุโขทัยเรียกใช้มาโดยตลอด

              “เสี่ยจ๊ะ” เคยเข้าไปช่วยงานอนงค์วรรณ เทพสุทิน สมัยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นเลขานุการของ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีพาณิชย์สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์

              ขณะนี้ “เสี่ยจ๊ะ” กำลังปั้นผลงานชิ้นโบแดงให้ “บิ๊กฉัตร” คือ แก้หนี้เกษตรกรให้จบใน 180 วัน โดยเฉพาะหนี้สินเกษตรกรที่อยู่ระหว่างบังคับคดีจำนวน 2,631 ราย

            ดังที่ทราบกัน “บิ๊กฉัตร” ประธานคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 26/2560 โดยมีภารกิจเร่งด่วนแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูฯอย่างเร่งด่วน ภายใน180 วัน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่อยู่ระหว่างบังคับคดี จำนวน 2,631 ราย ที่เป็นหน้าที่จำเป็นอันดับแรกที่คณะกรรมการเฉพาะกิจ 

             ทั้งนี้จากข้อมูลทะเบียนหนี้เกษตรกรปัจจุบันพบว่า มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนทั้งสิ้น 512,889 ราย มูลหนี้ 84,710 ล้านบาท โดย “บิ๊กฉัตร” ตั้งคณะอนุกรรมการฯ ภายใต้คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ จำนวน 4 คณะ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปี 2560

              หากว่ารัฐบาลประยุทธ์ ทำเรื่องแก้หนี้เกษตรกรได้จริง ก็จะโกยคะแนนนิยมจากรากหญ้าไปไม่น้อย

              มินับอภิมหาโปรเจ็กต์โครงการน้ำแสนล้าน โดยเฉพาะโครงการคลองระบายน้ำบางบาล-บางไทร ระยะทาง 22.4 กิโลเมตร และโครงการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้ง 9 แผนที่กรมชลประทานได้ศึกษาไว้

            เห็นเงียบๆ ไม่พูดไม่จา แต่ผลงาน “มหึมา” กว่าที่คิด ฉะนั้นใครที่มองข้าม “บิ๊กฉัตร” ต้องคิดใหม่ เพราะข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ และพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ