จู่ๆ ก็โผล่มา สำหรับข่าว "ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ" ประกาศพร้อมลงชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เบื้องหลัง และ เบื้องหน้า ของเรื่องนี้คืออะไร?
ถือว่ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย สำหรับข่าว "ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ" ประกาศว่าพร้อมจะลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครในนามพรรคประชาธิปัตย์ แน่นอนมีหลายคำถามตามมาทันที
คำถามแรก เป็นข้อสรุปของทางพรรคหรือยัง?
ทีมข่าวคมชัดลึกออนไลน์ หาคำตอบ "อย่างเป็นทางการ" จาก "องอาจ คล้ามไพบูลย์" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายองอาจ บอกว่า "พรรคยังไม่ได้มีการคุยกันในเรื่องนี้ เพราะเปิดประชุมหรือดำเนินการทางการเมืองไม่ได้ " พร้อมบอกว่า "ยังอีกไกล..."
นายองอาจ กล่าวว่า ในการส่งตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ในนามของพรรคนั้น จะต้องผ่านหลายขั้นตอน โดยบางคนก็เสนอตัวให้ทางพรรคพิจารณา บางคนที่พรรคเห็นว่าเหมาะสมก็จะไปทาบทาม จากนั้นก็จะนำรายชื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเพื่อพิจารณา และขั้นตอนสุดท้ายต้องส่งชื่อไปให้คณะกรรมการบริหารพรรคตัดสิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามจาก "แหล่งข่าว" ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้ความว่า ดร.สุรินทร์ ได้พูดคุยเรื่องนี้กับคนในพรรคประชาธิปัตย์มาระยะหนึ่งแล้ว คือแสดงท่าทีให้รู้ว่าสนใจที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ ซึ่งก็ต้องบอกว่า ณ เวลานี้ยังไม่มีใครแสดงท่าทีว่าอยากลงสมัคร
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อไร
อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยังไม่มีใครสนใจ คือ กระแสพรรคประชาธิปัตย์ใน กทม.ระยะหลัง "ไม่ดีเหมือนเดิม" นับตั้งแต่มีปัญหาเรื่องความโปร่งใสในการทำงานของอดีตผู้ว่าฯ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ในหลายเรื่อง ซึ่งมีทั้งคนนอกและคนในพรรคยื่นให้มีการตรวจสอบจนสุดท้าย "คุณชายหมู" ถูกปลดพ้นจากตำแหน่งด้วยคำสั่งตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช. และให้ "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ขึ้นสู่ตำแหน่งแทน
บวกกับท่าทีที่ "ไม่ค่อยเป็นมิตร" ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่มีต่อชาว กทม.ในหลายๆครั้ง รวมถึงวาทะแห่งปี "ถ้าไม่อยากโดนน้ำท่วม ก็ต้องไปอยู่บนดอย"
ความสัมพันธ์ที่มีปัญหาระหว่าง "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" กับทางพรรค จนถึงขั้นพรรค "ตัดหางปล่อย" ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระแสพรรคตก
"ใครก็รู้ว่าถ้าลงสมัคร ก็มีโอกาสที่จะแพ้" แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้อาจใช้ไม่ได้กับ "ดร.สุรินทร์" ซึ่งจัดได้ว่าเป็นนักการเมืองที่มีความโดดเด่นและมีภาพลักษณ์ดีคนหนึ่ง จึงทำให้เขาหาญกล้าที่จะประกาศตัวออกมาทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่
ปัจจุบัน "ดร.สุรินทร์" อายุ 67 ปี เขาเริ่มเข้าสู่การเมืองระดับชาติในปี 2529 โดยได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครศรีธรรมราช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ติดต่อกัน 7 สมัย เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศในปี 2535 และในปี 2540 ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเดียวกัน
ตำแหน่งสำคัญที่ยิ่งทำให้ "ดร.สุรินทร์" ยิ่งเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติมากขึ้น คือ "เลขาธิการอาเซียน" ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งนี้ 5 ปี คือปี 2551-2556
คำถามต่อมา คือ จะมีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.เมื่อไหร่?
ต้องบอกว่ายังไม่มีความชัดเจน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หัวหน้า คสช. ว่าต้องการจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อไหร่? ก่อนหรือหลังการเลือกทั่วไปของ ส.ส.ที่ "อาจจะ" มีขึ้นในปลายปีหน้า
บ้างก็ว่า คสช.อาจจะมีการปล่อยให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน หลังจากที่ออกคำสั่งระงับการเลือกตั้งท้องถิ่นไว้ทั่วประเทศตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 เพื่อ "ชิมลาง" ก่อนจะมีการเลือกตั้งจริง
บ้างก็ว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นต้องเกิดทีหลังการเลือกตั้งใหญ่ เพราะถ้าปล่อยให้มีการเลือกตั้งก่อนก็จะเกิดแรงกระเพื่อม
วกกลับมาที่ "ดร.สุรินทร์" ยังมีอีกคำถามว่า...ทำไมเขาจึงอยากลงสมัครผู้ว่ากทม.?
ถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีที่แล้วได้เกิดแรงกระเพื่อมเพื่อให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" โดยครั้งนั้นมีข่าวออกมาว่า "ดร.สุรินทร์" ให้สัมภาษณ์ที่บ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราช ว่า พร้อมจะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ตามเสียงเรียกร้องของสมาชิกพรรค พร้อมบอกว่าเป้าหมายต่อไปของเขาคือ "ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี"
อย่างไรก็ตามต่อมา "ดร.สุรินทร์" ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้พูดดังกล่าว และมี "นายหัวชวน หลีกภัย" ผู้มีบารมีในพรรคออกมาสำทับว่า ดร.สุรินทร์ ต่อสายมายืนยันว่าไม่ได้พูดเรื่องที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคตามที่มีข่าว
เมื่อมีข่าวออกมาอีกครั้งว่า "ดร.สุรินทร์" ประกาศว่าพร้อมจะลงชิงตำแหน่ง "พ่อเมือง กทม." จึงอดไม่ได้ที่จะถูกมองว่า ตำแหน่งนี้จะเป็น "บันไดไต่ฝัน" ให้ ดร.สุรินทร์ หรือไม่ !!??
-------
โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ คมชัดลึกออนไลน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง