คอลัมนิสต์

เด็กสาวถูกฆ่าถ่วงน้ำ หลักฐานอีกด้าน"สืบจากศพ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นลิน สิงหพุทธางกูร NOW26

     คดีพบเด็กสาวอายุประมาณ 13 ปีถูกฆ่าถ่วงน้ำทิ้งคลองสำโรง จ.สมุทรปราการ เป็นอีกคดีหนึ่งที่เข้าข่ายการพบ “ศพนิรนาม” เพราะไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหาวิธีการยืนยันตัวบุคคลให้ได้โดยเร็วที่สุด

เด็กสาวถูกฆ่าถ่วงน้ำ หลักฐานอีกด้าน"สืบจากศพ"

     ทีมข่าวได้ข้อมูลจาก นพ.สุรณรงค์ ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักนิติวิทยาศาสตร์บริการ 2 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับการยืนยันเอกลักษณ์บุคคลของศพนิรนาม หรือศพไม่ทราบชื่อ โดยบอกว่า เมื่อพบศพนิรนาม จะมีขั้นตอนการยืนยันตัวบุคคลได้ ซึ่งแน่นอนว่าศพที่มีชิ้นส่วนครบ จะสามารถหาตัวตนได้ง่ายกว่าศพที่ถูกแยกชิ้นส่วน

     วิธีการเริ่มจากง่ายที่สุด คือ บริเวณศีรษะและใบหน้า หากยังพอมองเห็นใบหน้าได้ จะทราบได้ไม่ยากว่าเป็นใคร แต่หากใบหน้าถูกทำลาย ก็ยังสามารถยืนยันตัวบุคคลจากลายพิมพ์นิ้วมือ โดยสามารถนำไปเทียบกับสารบบทางทะเบียนราษฎร์ ซึ่งประเทศไทยมีเก็บไว้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการประมวลผล

     คดีการพบศพเด็กสาวที่คลองสำโรงกำลังอยู่ในขั้นตอนนี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว นอกจากลายนิ้วมือ ยังสามารถหาตัวตนได้จากดีเอ็นเอ สารพันธุกรรม, เอกลักษณ์ของฟัน เช่น การอุดฟัน หรือรอยพิมพ์ฟัน รวมทั้งลักษณะเฉพาะอื่นๆ อาทิ รอยสัก, ประวัติการรักษาพยาบาลต่างๆ, รอยแผลที่เคยผ่าตัด เป็นต้น

เด็กสาวถูกฆ่าถ่วงน้ำ หลักฐานอีกด้าน"สืบจากศพ"

     สำหรับคดีนี้ สาเหตุการตายเบื้องต้นคือขาดอากาศหายใจ ซึ่งตามปกติสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ “สถานที่เกิดเหตุ” เนื่องจากเป็นจุดที่มีพยานหลักฐานที่อาจเชื่อมโยงไปถึงสาเหตุการตายได้ เช่น อาวุธที่ทำให้ตาย หรือมีพยานแวดล้อมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์

     ลำดับต่อมาคือ การตรวจสอบร่างกายผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนประกอบศพ วัสดุห่อหุ้มศพ หลังจากนั้นจึงเป็นการผ่าศพ ทั้งการใช้เทคโนโลยีเอกซเรย์ และผ่าพิสูจน์จริงๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ

     “การพิสูจน์ศพนิรนามมีความยากง่ายต่างกัน สำหรับคดีนี้ที่มีการนำศพมาทิ้งน้ำ ก็ถือว่ายากมากเหมือนกัน เพราะหากไม่มีพยานแวดล้อมที่มากพอ ผู้เชี่ยวชาญจำต้องใช้ความรู้ในศาสตร์อื่นๆ เข้ามาช่วย เช่น อุทกศาสตร์ เพื่อดูความเร็วของน้ำในลำน้ำ หรือทิศทางการไหลของน้ำ เพื่อหาจุดทิ้งศพให้ได้”

     อีกหนึ่งปริศนาของคดีนี้คือ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าร่างที่เสียชีวิตมีร่องรอยการถูกข่มขืนหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่าพิสูจน์ยาก เพราะศพเน่าไปแล้ว ประเด็นนี้ นพ.สุรณรงค์ บอกว่า ในทางการแพทย์ การพิสูจน์จะบอกได้เพียงว่าเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ไม่ใช่การพิสูจน์ว่าถูกข่มขืนหรือไม่ เพราะการข่มขืนหรือไม่ข่มขืนต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย ทั้งอาการบาดเจ็บภายนอก รอยฟกช้ำ

     “การตรวจหาร่องรอยอสุจิก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในคนเป็น อสุจิอยู่ได้ 2-7 วัน แต่คนตายอสุจิอยู่ได้ 1-2 วัน ถ้าตายเกิน 3 วัน โอกาสเจอก็ลดลง การข่มขืนหลายคดีก็ไม่เจออสุจิ เพราะคนร้ายใส่ถุงยาง” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ ระบุ และว่าการข่มขืนในหลายกรณีก็ไม่พบบาดแผลหรืออาการบาดเจ็บ เพราะในช่วงเวลานั้น เหยื่ออาจโดนยานอนหลับ หรือใช้สารเสพติด หรือแม้กระทั่งถูกข่มขู่

     ส่วนที่มีบางฝ่ายระบุว่า ศพเด็กสาวตรวจสอบยาก เพราะศพเน่าไปแล้ว ประเด็นนี้ นพ.สุรณรงค์ บอกว่า จริงๆ แล้วศพที่อยู่ในน้ำ หรือถูกฝังดิน จะเน่าช้ากว่าศพที่ถูกวางไว้เฉยๆ เพราะออกซิเจนที่เป็นปัจจัยทำให้ศพเน่ามีน้อยกว่า

     กล่าวโดยสรุปก็คือ การพิสูจน์ตัวตนเมื่อเกิดการเสียชีวิตแบบเป็นปริศนาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจำเป็นต้องใช้องค์ความรู้หลายแขนงประกอบกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถหาพยานหลักฐานแวดล้อมได้เลย ทุกขั้นตอนตั้งแต่วินาทีแรกที่พบศพ ควรดำเนินการอย่างรอบคอบ ทั้งการปิดที่เกิดเหตุ การเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมให้มากที่สุด นอกจากนั้นต้องตั้งสมมุติฐานการตาย การตรวจพิสูจน์ทุกด้าน 

     เพื่อให้สุดท้ายสามารถหาสาเหตุการตายที่แท้จริงได้อย่างไม่มีข้อสงสัย

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ