"ทรัมป์"สั่งลุยซีเรีย กลบปัญหาภายใน?

                ผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคน และพิธีกรรายการข่าวบางคนในสหรัฐ ตั้งคำถามหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์แห่งอังกฤษ และประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง แห่งฝรั่งเศส
                
          

               สั่งโจมตี 3 เป้าหมายในซีเรียโดยอ้างว่าเพื่อทำลายขีดความสามารถด้านอาวุธเคมี ไม่ให้นำมาใช้ทำร้ายประชาชนได้อีกเมื่อวานนี้ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการที่ทรัมป์กำลังเผชิญปัญหาภายในส่วนตัวอยู่หรือไม่ โดยนำไปเปรียบเทียบกับเมื่อครั้งที่ บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เคยสั่งถล่มอิรักในปี 2541 ขณะกำลังเจอข้อครหาอื้อฉาว มีสัมพันธ์ทางเพศกับนักศึกษาฝึกงาน 

 

                เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) บุกตรวจค้นสำนักงานและบ้านของ ไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนหนึ่งของทรัมป์ อันเป็นส่วนหนึ่งในการสอบสวนข้อหาทีมหาเสียงของทรัมป์คบคิดรัสเซียช่วงเลือกตั้งในปี 2559 ที่มี รอเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษเป็นหัวหน้าสอบสวน 
                การบุกค้นบ้านทนาย ทำให้ทรัมป์โกรธมาก จนมีรายงานว่ามีความคิดจะปลดมุลเลอร์ 
                ต่อมาในวันศุกร์ มีการเปิดเผยเพิ่มเติมในศาลว่า อันที่จริง โคเฮนถูกสอบทางอาญามานานหลายเดือนแล้ว ซึ่งก็บ่งว่าข้อหาคบคิดรัสเซียใกล้ตัวทรัมป์เข้าไปอีก 

 

 

                ในวันเดียวกัน สื่อตีข่าว เอลเลียต บรอยดี อดีตพันธมิตรของทรัมป์ จ่ายเงินก้อนโต 1.6 ล้านดอลลาร์เป็นค่าปิดปากแก่นางแบบเพลย์บอยคนหนึ่ง ที่อ้างว่าเคยทำเธอท้อง โดยบรอยดี ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์แบบสมยอมและลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่ายระดมทุนของที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน 
                ความตกลงระหว่างบรอยดี กับนางแบบ ไม่ได้รวมถึงการยอมรับว่าบรอยดีเป็นพ่อเด็กในท้อง และมีรายงานว่านางแบบตัดสินใจทำแท้งเอง แต่การจ่ายเงินก้อนนี้โคเฮนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน เป็นคนจัดการอีกหนึ่งกรณี นอกเหนือจากการจ่ายเงิน 1.3 แสนดอลลาร์ ให้กับนักแสดงหนังผู้ใหญ่คนหนึ่งก่อนเลือกตั้งปีที่แล้ว เพื่อปิดปากเรื่องความสัมพันธ์กับทรัมป์ในปี 2549 โคเฮนยอมรับเรื่องจ่ายเงินแต่ไม่บอกเหตุผล และทั้งทนายและทรัมป์ปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์นอกสมรสกับเธอ 
                มุลเลอร์ยังมีหลักฐานว่า โคเฮนเคยเดินทางไปที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ค เพื่อพบเจ้าหน้าที่รัสเซีย เมื่อปีที่แล้ว โดยข้อมูลส่วนนี้อยู่ในเอกสารที่พบหลังจากที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งแล้ว และเป็นเอกสารที่บ่งว่าทรัมป์ร่วมกับมือกับรัสเซียเพื่อชนะเลือกตั้ง 

                นอกจากนี้ ทันทีที่ซีเรียโดนโจมตี ข่าวนี้ก็ใหญ่กว่าข่าวการเปิดตัวหนังสือ  "A Higher Loyalty: Truth, Lies and Leadership" ของอดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ เจมส์ โคมีย์  ซึ่งถูกทรัมป์ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว เป็นระเบิดโยนใส่ทรัมป์หลายลูก โคมีย์แฉทรัมป์เป็นเหมือนนายใหญ่มาเฟีย กุมอำนาจคนเดียว โกหกทุกเรื่อง ทำให้องค์กรอยู่เหนือศีลธรรมและความจริง

 

                ทั้งหมดนี้เลยทำให้ชาวสังคมออนไลน์เปรียบเทียบมรสุมรุมเร้าทรัมป์ กับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน สั่งทิ้งบอมบ์อิรักในปี 2541 
                ขณะกำลังจะถูกถอดถอนออกจากประธานาธิบดี ฐานให้การเท็จภายใต้คำสาบาน กรณีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนักศึกษาฝึกงานทำเนียบขาว บิล คลินคัน สั่งใช้ปฏิบัติการทหารภายใต้ชื่อ ”ปฏิบัติการจิ้งจอกทะเลทราย”เพื่อตอบโต้ข้อสงสัยซัดดัม ฮุสเซน ไม่ปฏิบัติตามมติสหประชาชาติปลดอาวุธทำลายล้างสูง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ทั่วโลก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทียบเขี้ยวเล็บทางทหาร 5 ชาติ 'ยุทธการถล่มซีเรีย'

UN ไม่ประณามสหรัฐโจมตีซีเรีย

ฝ่ายค้านจ้องถล่ม "เมย์"หลังร่วมโจมตีซีเรีย 

มะกัน แจง 3 เป้าหมายเคมีพังพินาศ จากปฏิบัติร่วม

องค์กรห้ามอาวุธเคมี ส่งทีมตรวจสอบเมืองดูมา ซีเรีย