4 มิ.ย.2533 วันพระราชสมภพ สมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน
พระองค์มีความสนพระทัยในงานศิลปะเรอเนสซองส์ และมีงานอดิเรกคือการถ่ายภาพเช่นเดียวกับสมเด็จพระราชาธิบดี
******************
อีกหนึ่งวันสำคัญของประเทศมิตรรักของไทย ประเทศภูฏาน ซึ่งตรงกับวันนี้เมื่อ 29 ปีก่อน หรือ วันที่ 4 มิถุนายน 2533 เป็นวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก
พระองค์ประสูติ ที่กรุงทิมพู ประเทศภูฏาน เป็นสมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก โดยทั้งสองพระองค์ได้ทรงอภิเษกสมรสในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554
สำหรับ พระประวัติ สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ทรงเป็นธิดาคนที่สองจากจำนวนพี่น้องห้าคนของ นายธอนทุบ กยอลเซน กับนางโซนัม ชูกี
ทั้งนี้ พระราชบิดาของพระองค์เป็นนักบินสายการบิน Kingfisher Airlines ของประเทศอินเดีย ส่วนพระราชชนนีมาจากตระกูลเก่าแก่ของภูฏาน นอกจากนี้ ในรุ่นของพระอัยกา (คุณตา) ทรงเป็นพระราชอนุชา (น้องชาย) ต่างมารดาของสมเด็จพระปัยยิกา (คุณย่าทวด) ของกษัตริย์จิกมีองค์ปัจจุบันด้วย
พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ประเทศภูฏาน ก่อนที่จะเสด็จไปทรงศึกษาต่อที่ลอว์เรนซ์สคูล ในซานาวาร์ หิมาจัลประเทศ และที่เซนต์โจเซฟคอนแวนต์ ในกาลิมพง ประเทศอินเดีย
ต่อมาภายหลังได้ทรงศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรีเจนต์คอลเลจ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยทรงศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จิตวิทยา และประวัติศาสตร์
พระองค์มีความสนพระทัยในงานศิลปะเรอเนสซองส์ และมีงานอดิเรกคือการถ่ายภาพเช่นเดียวกับสมเด็จพระราชาธิบดี รวมทั้งยังโปรดฟังเพลงพื้นเมืองด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังทรงสนพระทัยกีฬาบาสเกตบอล ซึ่งพระองค์เคยทรงดำรงตำแหน่งกัปตันทีมบาสเก็ตบอล และเคยได้รับการทูลเกล้าถวายรางวัลการพูดในที่ชุมชนอีกด้วย
สำหรับเรื่องราวของการทรงพบรัก มีว่าทั้งสองพระองค์ทรงพบรักกันตอนที่องค์ราชินีมีพระชนมายุแค่ 7 พรรษาเท่านั้น ด้วยความที่ครอบครัวของพระราชินีเจตซุนสนิทชิดเชื้อกับราชวงศ์ภูฏาน ทำให้ทั้งสองพระองค์ได้พบกันตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ว่าดันว่ากษัตริย์จิกมีก็ทรงตกหลุมรักฝ่ายพระราชินีทันที ทั้งๆ ที่ทรงมีพระชนมายุห่างกันถึง 10 พรรษา
ที่สุดแสนโรแมนติกคือ กษัตริย์จิกมี ทรงคุกเข่าสารภาพรักกับพระนาง โดยรับสั่งว่า “ถ้าเธอโตขึ้นเมื่อไหร่ และเรายังไม่มีใคร เราจะกลับมาขอเธอแต่งงาน”
กระทั่งที่สุด ในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 นับเป็นวันที่เป็นมคงลยิ่งสำหรับประชาชนชาวภูฏาน โดยสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีได้ทรงประกาศอย่างเป็นทางการว่าพระองค์จะอภิเษกสมรสกับ เจตซุน เพมา ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554
พระราชพิธีอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ณ พูนาคาซอง (Punakha Dzong) โดยจัดขึ้นในรูปแบบดั้งเดิมด้วยตามพระพรของอารักษ์ และมีการเฉลิมฉลองตามหัวเมืองใหญ่ อันได้แก่ พูนาคา, ทิมพู และพาโร
กล่าวสำหรับ พระราชพิธีอภิเษกสมรสครั้งนี้แม้จะจัดแบบดั้งเดิม และแม้ว่าภูฏานจะมีประเพณีภริยาหลายคนได้ แต่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีได้ตรัสว่าพระองค์จะไม่อภิเษกสมรสกับสตรีนางใดอีก และจะมีเพียงแต่เจตซุน เพมา เป็นพระชายาในอนาคตเท่านั้น
หลังจากอภิเษกสมรสแล้ว นางสาว เจตซุน ได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน โดยมีการเฉลิมพระนามาภิไธยว่า สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก
ปลายปี พ.ศ. 2558 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในภูฏานได้ลงข่าวว่าสมเด็จพระราชินีทรงพระครรภ์ และมีกำหนดที่จะประสูติกาลพระราชบุตรช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 จนวันที่ 5 กุมภาพันธ์จึงให้ประสูติการพระราชโอรส คือ เจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก
อ่าน http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/312009
โดยทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น มกุฎราชกุมารแห่งภูฎาน และทรงเป็น รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์ภูฏาน แทนพระปิตุลา (อาชาย) คือ เจ้าชายจิกเยล อุกเยน วังชุก อีกด้วย
******************************