30 มี.ค.2524 ลอบสังหารอดีตผู้นำมะกัน กับเรื่องราวที่โลกตะลึง
ขณะที่กระแสข่าวด้านหนึ่งระบุว่า คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือดาราสาว โจดี ฟอสเตอร์ ที่ยังคงผวากับเหตุที่เกิดขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้เลยทีเดียว
วันนี้เมื่อ 37 ปีก่อน หรือตรงกับวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2524 ยังจำกันได้หรือไม่ว่า เพียง 69 วันหลัง “โรนัลด์ เรแกน” เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เขาก็ต้องเจอคมกระสุนเข้าให้จนปอดทะลุ ขณะเดินทางออกจากการปราศรัยที่โรงแรมวอชิงตันฮิลตันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยนอกจากประธานาธิบดีเรแกนแล้ว ยังมีคนอื่นอีกสามคน ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บด้วย รวมแล้วครั้งนั้นกระสุนถูกยิงออกมาถึง 6 นัด
มือกระสุนคนนี้ ถูกรวบตัวไว้ทันทีหลังก่อเหตุ และก่อนที่เขาจะทันเหนี่ยวไกปืนกระสุนลูกที่ 7 เพื่อปลิดชีพตนเอง เขาคือ จอห์น ฮิงคลีย์ จูเนียร์ (John Hinckley, Jr.) ที่ภายหลังถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดด้วยเหตุความวิกลจริต และยังถูกจำกัดอยู่ในสถานจิตเวชแห่งหนึ่ง
ภาพจากhttps://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/90/Reagan_assassination_attempt_montage.jpg
ทั้งนี้ การสืบสวนพบเหตุจูงใจเบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าว ที่ชวนให้ต้องตะลึง เมื่อเขาเล่าว่าสิ่งที่เขาทำนั้น เกิดจากความหลงใหลต่อนักแสดงหญิง โจดี ฟอสเตอร์ จากบทบาทของโสเภณีในภาพยนตร์ดังยุคปี 1976 Taxi Driver เขาจึงกระทำการในลักษณะลอกเลียนแบบตัวเอกของเรื่อง ที่รับบทโดย โรเบิร์ต เดอนีโร ที่เป็นโชเฟอร์แท็กซี ที่พยายามลอบสังหารผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อสร้างความประทับใจให้กับสาวน้อยที่เขาหลงรัก
ว่ากันถึงขนาดที่ว่า ด้วยอาการป่วย “ฮิงคลีย์ จูเนียร์” เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกที่เขาจินตนาการขึ้น โดยเขาบอกว่า เดอนีโร ไม่ใช่เพียงตัวละครในภาพยนตร์ แต่กำลังสื่อสารกับเขาโดยตรง และเริ่มคิดว่าตัวเองคือพระเอกในเรื่อง ถึงขั้นที่เขาวางแผนลอบสังหารประธานาธิบดีขึ้นมาจริงๆ
และนั่นจึงเป็นที่มา ที่ในวันที่ 30 มี.ค. 1981 (พ.ศ.2524) ฮิงคลีย์ จูเนียร์ จึงได้ตัดสินใจเข้ายิงประธานาธิบดีเรแกน ระหว่างที่ท่านเดินทางออกมาจากโรงแรมใน วอชิงตัน ดี.ซี.
ข้อมูลจาก จากหนังสือลอบสังหารผู้นำ โดย ผศ.ดร.บรรพต กำเนิดศิริ เล่าว่า
เอฟบีไอได้พบจดหมายที่เขาเขียนไปถึงโจดี้ ฟอสเตอร์ ฉบับหนึ่งลงวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ.1981 เขียนในเวลา 12.45 น. ก่อนที่เขาจะไปก่อคดีเพียงชั่วโมงเศษๆ เนื้อความจดหมายมีดังต่อไปนี้
โจ ดี้ที่รัก
อาจจะเป็นไปได้มากทีเดียว ที่ผมจะต้องถูกฆ่าในความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีเรแกน ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมจึงต้องเขียนมาถึงคุณเสียตั้งแต่ตอนนี้
คุณก็คงจะทราบดีอยู่แล้วว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ในช่วงเวลา 7 เดือนที่ผ่านมาผมได้ส่งบทกวี จดหมาย และข้อความแสดงบอกรักคุณด้วยความหวังอันเลือนรางว่าคุณอาจเริ่มสนใจในตัวผม ขึ้นมาบ้าง แม้เราจะได้คุยกันทางโทรทัศน์บ้าง 2-3 ครั้ง แต่ผมก็ไม่เคยกล้าที่จะเข้าหาคุณเพื่อจะแนะนำตัวผมให้คุณรู้จัก นอกจากผมจะเป็นคนขี้อายแล้ว ผมยังไม่อยากไปรบกวนคุณด้วยการไปพบคุณบ่อยๆ ผมทราบดีว่าข้อความหลายฉบับที่ผมนำไปติดไว้ที่ประตูบ้านคุณและที่ผมสอดไว้ ที่ตู้จดหมายของคุณนั้นเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ แต่ผมก็รู้สึกว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่ผมจะไม่ต้องเจ็บปวดในการแสดงความรัก ที่ผมมีต่อคุณ
ผม รู้สึกดีใจจริงๆ ที่อย่างน้อยคุณก็รู้จักชื่อของผม และทราบว่าผมรู้สึกอย่างไรกับคุณ การที่ผมไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ ที่พักของคุณนั้นก็ทำให้ผมกลายเป็นหัวข้อสำคัญที่คนจะต้องพูดถึงมากกว่าการ พูดถึงอย่างฉาบฉวย นั่นฟังดูเป็นสิ่งน่าหัวเราะ แต่อย่างน้อยคุณก็จะได้รู้ว่าผมจะรักคุณตลอดไป
โจดี้ ผมจะละความคิดที่จะสังหารเรแกนทันทีที่ผมสามารถเอาชนะใจคุณได้ และสามารถใช้ ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดของผมกับคุณไม่ว่ามันจะเป็นแบบซ่อนเร้นบิดบังอย่างไรก็แล้วแต่
ผม ขอยอมรับกับคุณว่าเหตุผลที่ผมจำต้องกระทำการอันอุกอาจครั้งนี้ เนื่องมาจากผมไม่อาจรอคอยเวลาที่จะทำให้คุณประทับใจได้ ผมต้องทำสิ่งบางอย่างเดี๋ยวนี้ เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผมทำเพื่อ คุณเท่านั้น โดยการเสียสละอิสรภาพของผมหรือแม้กระทั่งชีวิตของผมในครั้งนี้ ผมได้แต่เพียงหวังว่าผมอาจจะเปลี่ยนใจคุณได้
จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นเพียงหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ผมจะเดินไปยังโรงแรมฮิลตัน โจดี้ผมกำลังขอร้องให้คุณมองเข้าไปยังหัวใจของผมอย่างน้อยโอกาสผมที่จะได้ รับความนับถือและความรักจากคุณ ด้วยการกระทำที่จะจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้
ผมขอรักคุณตลอดไป
จอห์น ฮิงค์ลีย์
ที่สุดศาลจะลงความเห็นว่าเขาเป็นผู้มีสติไม่สมประกอบ ในวันที่ 4 พฤษภาคม 1982 โดยคณะลูกขุน 12 คน เขาถูกตัดสินให้กักบริเวณและรักษาสภาพจิตโดยไม่มีกำหนดในโรงพยาบาลผู้ป่วย โรคจิต ในกรุงวอชิงตัน ดี ซี
และยังว่ากันว่า ช่วงแรกเขาได้เริ่มติดตามประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ก่อนหันความสนใจมายังโรนัลด์ เรแกน
ขณะที่กระแสข่าวด้านหนึ่งระบุว่า คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือดาราสาว โจดี ฟอสเตอร์ ที่ยังคงผวากับเหตุที่เกิดขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ยังมีเรื่องที่โลกต้องตะลึงตามมาอีกหลังเหตุการณ์นี้ โดยนอกจาก เรแกนจะได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกในตำแหน่งที่รอดชีวิตจากการถูกยิงในความพยายามลอบสังหารแล้ว
ด้านของ สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา อย่าง นางแนนซี เรแกน ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของท่าน ว่ากันว่า เธอก็วนเวียนอยู่กับเรื่องโหราศาสตร์
มีข้อมูลจากคมชัดลึก โดย ไตรภพ ไกรงู เล่าว่า นางแนนซี่มีหมอดูคนดังแห่งเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสตรีชื่อว่า Joan Quigley ทำหน้าที่โหราจารย์ประจำตัว พักอาศัยอยู่ในบริเวณทำเนียบขาว ตั้งแต่ ค.ศ. 1981-1988 เหตุที่ท่านสตรีหมายเลขหนึ่งต้องหาวิธีปกป้องสามีอย่างเหนียวแน่น ด้วยการดูฤกษ์ยามการเดินทางต่างๆ ให้แคล้วคลาด
"อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกสังคมทั่วไปวิพากษวิจารณ์เรื่องการใช้โหราศาสตร์ แต่นางได้เขียนโต้ตอบไว้อย่างน่าฟังว่า “บางท่านอาจจะเข้าใจถึงความรู้สึกจากเหตุการณ์ที่สามีตนเองถูกยิงและเกือบเสียชีวิต และโดยหน้าที่เขาต้องไปปรากฏตัวต่อฝูงชนจำนวนมากนับหมื่นๆ คน ใครจะรู้ว่าหนึ่งในนั้นอาจมีคนบ้าที่พกอาวุธปืน...ดังนั้นในฐานะภรรยา ดิฉันต้องปกป้องเขาเพื่อให้แคล้วคลาด” (www.komchadluek.net/news/lifestyle/68663)
นอกจากนี้ ข่าวทั่วไปยังเคยเปิดเผยเรื่องของราวของ ภรรยาอดีตผู้นำสหรัฐคนนี้เสมอ หลังสามีได้ล่วงลับไปแล้วในปี 2547 ขณะมีอายุได้ 93 ปี เธอเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์นิตยสาร Vanity Fair ว่า ในยามค่ำคืน ตอนที่นางอยู่ตามลำพัง มักจะเห็นร่างของสามีผู้ล่วงลับของนางอยู่บ่อยครั้ง!!
แต่ถ้าจะพูดถึงสิ่งที่ต้องตะลึง และยังทึ่งมากที่สุด เห็นจะเป็นความรักของคนทั้งคู่ ที่ นางแนนซี่ เรแกน ไม่เคยทอดทิ้งสามีไปไหน แม้ว่าช่วงบั้นปลายของชีวิต เธอจะต้องคอยดูแลคนที่กลายมาเป็นชายชราที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ นานถึง 10 ปี
หลังจากใช้ชีวิตสมรสที่ยาวนานถึง 52 ปี ชาวโลกจึงยอมรับว่า สองท่านนี้ถือเป็นตำนานรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาคู่สมรสของประธานาธิบดีสหรัฐทั้งหมด
ขณะที่เมื่อนางแนนซี่ลาโลกไป เมื่อช่วงปี 2559 ที่่ผ่านมา ร่างอันไร้วิญญาณของเธอถูกนำไปฝังเคียงข้างกับร่างของอดีตประธานาธิบดีเรแกน ผู้เป็นสามี ภายในพื้นที่ของหอสมุดประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ที่เมืองไซมี แวลลีย์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย
ส่วนใคร ยังสงสัยว่าทางฝ่ายของ ฮิงค์ลีย์ จูเนียร์ กำลังทำอะไรอยู่
เชื่อหรือไม่ว่า ปีเดียวกันกับที่นางแนนซี่เสียชีวิต เขาก็เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากโรงพยาบาลจิตเวชเซนต์ เอลิซาเบธ ที่เมืองวอชิงตัน หลังศาลสั่งให้ปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลเมื่อเดือนกรกฎาคม และจิตแพทย์วินิจฉัยว่าฮิงค์ลีย์ได้รับการบำบัดจนสภาพจิตกลับสู่สภาวะปกติ และจะไม่ทำร้ายตัวเองและคนอื่นอีก
จากนั้น ฮิงค์ลีย์ จูเนียร์ จะย้ายไปใช้ชีวิตกับมารดา ที่ชุมชนปิดในเมืองวิลเลียมสเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เขาได้เดินทางไปบ่อยครั้ง โดยได้รับอนุญาต และอยู่ภายใต้การจับตาอย่างใกล้ชิดจากหน่วยอารักขาประธานาธิบดี หรือยูเอสเอสเอส
ขณะที่ผู้อาศัยอยู่ในเมืองส่วนมากก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจที่นายฮิงค์ลีย์ จูเนียร์ จะออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ในชุมชน แต่ก็มีบางรายที่รู้สึกระแวง
อย่างไรก็ตาม ฮิงค์ลีย์ จูเนียร์ ยังต้องทำงานเพื่อสังคมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ถูกจำกัดการเดินทาง และจะโดนติดตามความเคลื่อนไหวทุกอย่าง รวมถึงต้องพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอด้วย
//////////
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/90/Reagan_assassination_attempt_montage.jpg