คอลัมนิสต์

พปชร. ส่งสัญญาณบีบ "ประยุทธ์" ปรับใหญ่-ยุบสภา

26 ก.ย. 2564

ศึกประลองกำลังยกแรกใน "พปชร" ยังไม่ทันไร แกนนำพรรคส่งสัญญาณ ปรับครม. แบบแหกประเพณี แอบชงคนใกล้ตัวนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ทั้ง “ประวิตร-ธรรมนัส-วิรัช” ไม่พอใจ ยังมี พ.ร.ก.ของรัฐบาล 3 ฉบับจ่อเข้าสภาฯ หากล่ม บีบ “ประยุทธ์” ต้องยุบสภา

ศึกในพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ หลังการประลองกำลังระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพปชร.ผล ส.ส.เทมาข้างพล.อ.ประวิตร มากกว่า สะท้อนว่าบารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเข้าไม่ถึงส.ส.ในพรรค นี่จะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานลำบาก

 

 

เพราะการประลองกำลังยกแรกยังไม่ทันไร แกนนำในพรรคพปชร.ส่งสัญญาณการปรับคณะรัฐมนตรีออกมาอีกระลอก คราวนี้ มาแบบแหกประเพณีอย่างกรณี สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่แอบชงชื่อคนของตนเองเข้าไปเป็นรัฐมนตรี ทั้ง สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ และณัฐพล โพธิพิพิธ

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังก็เสนอชื่อ กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี เป็นรัฐมนตรี ส่วน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ เสนอชื่อ มณเฑียร สงฆ์ประชา เป็นรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน

เรื่องนี้ทำให้แกนนำพปชร.สายพล.อ.ประวิตร ทั้งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และวิรัช รัตนเศรษฐ ไม่พอใจเพราะการเสนอชื่อใครไปเป็นรัฐมนตรี ต้องเสนอผ่านที่ประชุมกรรมการบริหาร โดยมีพล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคเป็นคนพิจารณา จากนั้นส่งชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปดำเนินการ นี่คือขั้นตอน

 

 

แต่การที่ 3 รัฐมนตรี คือสุชาติ สันติ และชัยวุฒิ แหกประเพณี สายตรงนายกฯทำไม่ถูกต้อง เลยทำให้ แกนนำพปชร.เตรียมหารือกับ 

 

 

พล.อ.ประวิตร เพื่อเรียกประชุมกรรมการบริหารที่มี25 คนรวมพล.อ.ประวิตร เป็น26 คนประชุมด่วนเพื่อหารือการปรับครม.

 

 

แน่นอนว่า สัดส่วนกรรมการบริหารทั้ง25 คน สายพล.อ.ประวิตร มี17 คน โหวตทีไรก็ชนะ และมีแนวโน้มว่า จะเสนอให้มีการล้างไพ่เกลี่ยตำแหน่งกันใหม่

 

 

เนื่องจากโควต้าแต่ละกลุ่มไม่สัมพันธ์กับจำนวนส.ส.ที่มี อาทิ สามมิตร มีส.ส.ประมาณ 20 แต่มี รัฐมนตรี3 คน กลุ่มสันติ มีส.ส.5 คน ขณะที่ สุชาติ มีส.ส.ในสังกัด3 ส่วนชัยวุฒิ มีแค่2 คนกับภรรยาเท่านั้น

 

 

ว่ากันว่ากลุ่มพล.อ.ประวิตร มีส.ส.45-50 คนแต่ปัจจุบัน มีเพียง อธิรัช รัตนเศรษฐ เป็นรมช.คมนาคมเพียงคนเดียว เพราะร.อ.ธรรมนัส และนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ถูกปลด

และเมื่อกรรมการบริหารมีมติก็จะส่งรายชื่อการปรับครม.ครั้งใหญ่ไปให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการวัดใจกันอีกรอบ หากพล.อ.ประยุทธ์ ยอมปรับครม.ตามโผที่พรรคพปชร.ส่งมา ทุกอย่างก็จบ สภาก็จะเต็มไปด้วยความราบรื่น แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เอาตาม ปัญหาจะตามมาทันที

 

 

ทีแน่ๆคือ สภาจะมีปัญหาเรื่ององค์ประชุม และจำนวนเสียงส.ส.ที่จะต้องใช้โหวตรับรอง พ.ร.ก.ของรัฐบาล3ฉบับที่จ่อเข้าขอความเห็นชอบจากสภา หากเสียงไม่ถึง241 ก็มีอันจบกัน นายกฯต้องยุบสภาสถานเดียว

 

 

ประกอบกับการประชุมพรรคพปชร.ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะเลขาธิการพรรคได้แจ้งให้ส.ส.เตรียมพร้อมในการเลือกตั้งเพราะอาจมีการยุบสภา และขณะนี้คะแนนนิยมของ พปชร.ตำต่ำมาก ถึงขนาดจะแพ้พรรคก้าวไกล มันเมือนเป็นสัญญาณส่งไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ โดยตรงว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ยังบริหารแบบนี้ หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยดำเนินการเรื่องงบประมาณให้ส.ส.ในพื้นที่ โอกาสที่จะแพ้เลือกตั้งนั้นมีเสียง พูดภาษาชาวบ้านก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้คะแนนนิยมของพรรคพปชร.ตกต่ำ

 

 

แน่นอนว่าพล.อ.ประยุทธ์ มีทางเลือกหลายทาง หากต้องการเป็นนายกฯต่อไปก็ต้องยอมตามพปชร.เพราะต้องใช้เสียงส.ส.ในสภา แต่หากไม่ต้องการไปต่อ มีทางเดียวคือไม่ทำตามที่พปชร.ขอให้ปรับครม. นั่นหมายถึงว่าก็ต้องยุบสภา

 

 

เช่นเดัยวกับพพรรคพลังประชารัฐ สุดท้ายหากการร่วมรัฐบาลในฐานะพรรคแกนนำ ไม่ได้ประโยชน์อะไร และนายกฯไม่ยอมปรับครม.ตามที่เสนอไป พรรคพปชร.อาจจะประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แล้วไปเป็นฝ่ายค้าน จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสถานะของรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งไม่มีทางจะบริหารต่อไปได้ เท่ากับบีบให้ยุบสภานั่นเอง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง