คอลัมนิสต์

แผนดับสูญ "ก้าวไกล" ส.ว.สาย 3ป. โหวตผ่านบัตร 2 ใบ

10 ก.ย. 2564

ส.ว.เครือข่าย 3ป. รวมหัวสกัด "ก้าวไกล" โหวตผ่านแก้รัฐธรรมนูญแบบปี 2540 เอื้อเพื่อไทย แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก

ก่อนโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงจุดยืน “งดออกเสียง” และประกาศว่า “ก้าวไกล” พร้อมที่จะสู้ในทุกกติกา ในทุกสนาม ในทุกเมื่อ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

พลพรรค “ก้าวไกล” ค้านแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง จากบัตรใบเดียวเป็น “บัตร 2 ใบ” มาแต่แรก จนมีวิวาทะกับแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคน

 

 

แม้ช่วงพิจารณาชั้นกรรมาธิการ 2 “ก้าวไกล” พยายามเสนอบัตร 2 ใบ ส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน แต่คิดคำนวณ ส.ส.แบบเยอรมัน แต่ก็ถูกตีตกไป เสียงกรรมาธิการส่วนใหญ่เลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญ 2540

 

 

การลงมติวาระ 3 สะดุดเล็กน้อย เมื่อ ส.ว.บางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวค้านกติกาบัตร 2 ใบ กลัวเผด็จการรัฐสภา จะกลับมา บวกกับปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เกิดกระแสข่าว ส.ว.จะโหวตคว่ำวาระ 3

ว่ากันว่า ช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ย.2564 ที่อาคารรัฐสภา แกนนำ ส.ว.สายบิ๊กตู่ ได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ก่อนจะเคาะให้ลงมติ “เห็นชอบ” ตามกลุ่ม ส.ว.สายบิ๊กป้อม

 

 

เหตุผลหลักที่ ส.ว.ส่วนใหญ่เห็นชอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องระบบเลือกตั้ง เพราะไม่ต้องการเห็น “ส.ส.ปัดเศษ” และความวุ่นวายของพรรคเล็ก รวมถึงสกัดการเติบโตของพรรคสีส้ม

 

 

ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล เครือข่าย 3 ป. เชื่อว่า ก้าวไกลเป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตยแบบไทย ส่วนเพื่อไทยนั้น มีช่องทางสื่อสารถึงกันได้

 

 

‘ตัดตอนค่ายสีส้ม’

 

 

แกนนำพรรค “ก้าวไกล” รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า พลังประชารัฐ กับเพื่อไทย เห็นดีเห็นงามในการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ตามแนวทางของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 คือใช้บัตร 2 ใบ (เลือกคนและเลือกพรรค) ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เป็นการตัดตอนเครือข่าย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”

ผลการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2562 โดยกติกาบัตรใบเดียว ระบบจัดสรรปันส่วนผสม ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว พรรคเพื่อไทย ได้ 7,920,630 เสียง ส.ส.เขต 136 คน แต่ไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว

 

 

ขณะที่พรรคอนาคตใหม่(พรรคก้าวไกล) ได้ 6,265,950 เสียง ส.ส.เขต 30 คนและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คน

 

 

นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทย มองว่า กติกาบัตรใบเดียว ใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสมนั้น เอื้อต่อพรรคก้าวไกล ที่ไม่ชำนาญ “ส.ส.เขต” แต่อาศัยเก็บแต้มจากทุกเขตเลือกตั้ง ก็ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

 

สมัยที่ใช้รัฐธรรมนูญ 2540 บัตร 2 ใบ (เลือกคนและเลือกพรรค) ผลการเลือกตั้ง 6 ม.ค.2544 พรรคไทยรักไทย ได้ ส.ส.เขต 200 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 48 คน รวม 248 คน

 

 

เลือกตั้ง 6 ก.พ.2548 พรรคไทยรักไทย ได้ ส.ส.เขต 310 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 67 คน รวม 377 คน เป็นรัฐบาลพรรคเดียว

 

 

พรรคเพื่อไทยจึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระบบเลือกตั้ง และเป็นความบังเอิญที่พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ เห็นดีด้วย

 

 

สรุปว่า นักเลือกตั้งเก๋าเกม ต่างมีศัตรูร่วมคือพรรคก้าวไกล ที่มี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวแถว และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รับบทกองเชียร์ขอบสนาม

 

 

‘ทักษิณฝันหวาน’

 

ด้านหนึ่ง ทักษิณ ชินวัตร และเพื่อไทย ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า การเลือกตั้งสมัยหน้า “ก้าวไกล” คือคู่แข่งที่จะแบ่งแต้มในฝ่ายประชาธิปไตย

 

 

ดังนั้น ระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นเรื่องที่เพื่อไทยชำนาญมากที่สุด ดังที่ “ทักษิณ” เคยพูดไว้ในคลับเฮาส์

 

 

“เรื่องเลือกตั้งก็มีระบบเขต 400 เขต ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ไปถึงก็โหวต 2 ใบ ใบหนึ่งเลือกคน อีกใบเลือกพรรค ก็เอาใบของคนมาตัดสินเขตนั้นเลย พรรคก็เอามาดู กกต.กลาง ว่าใครได้เท่าไร ข้อดี ประชาชนได้เลือกทั้งพรรคทั้งคน ประชาชนตัดสินได้เองว่าจะเลือกพรรคอะไร ส.ส. คนไหน ซึ่งผมไม่ค่อยมีปัญหา แบบปี 2540 ชัด ประชาชนชิน”

 

 

มิหนำซ้ำ ทักษิณยังวิจารณ์ข้อเสนอ “ก้าวไกล” ที่ให้ใช้บัตร 2 ใบแต่คิดคะแนนแบบเยอรมันว่า “อย่างที่ก้าวไกลบอกว่า 2 บัตรแบบเยอรมนีนั้น ผมไม่ชำนาญเลยไม่รู้ เพราะผมเองเป็นผลผลิตของปี 2540”

 

 

“ก้าวไกล” กลายเป็นก้างขวางคอทักษิณ และเพื่อไทย เพราะมีฐานคะแนนตลาดเดียวกันคือ ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ

 

 

สำหรับเครือข่าย “3ป.” ก็มองว่า ก้าวไกลเป็นศัตรูหมายเลข 1 แต่เพื่อไทยนั้น มีจุดเชื่อมต่อที่จะพูดคุยกันได้ ไม่ใช่เรื่องยาก