13 ปี ยุบ "ทรท."  เชื้อแม้วไม่ตาย

++
         ผ่านไปแล้ว 13 ปี เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพราะตัวละครหลักๆ ยังโลดแล่นอยู่ในแวดวงการเมืองไทย หลายคนอาจรู้สึกสับสน

         ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2550 พรรคไทยรักไทย(ทรท.) ถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรค ด้วยมติเอกฉันท์ของตุลาการทั้ง 9 ท่าน และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยถูกวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิทางการเมืองทุกคนเป็นระยะเวลา 5 ปี จึงทำให้กรรมการบริหารพรรคจำนวน 111 คน หมดสิทธิทางการเมือง

 

อ่านข่าว...  พรรคแม้วใหม่ ทางรอด "เสี่ยอ๋อย"

 

         จะว่าไปแล้ว กลุ่ม 111 คน พ้นพงหนามแล้ว และมีมากกว่าครึ่งที่ยังเป็น “ผู้เล่น” ในสนามการเมืองไทย

 

 

 

 

++
         กลุ่มเฮียกวง
++
         นับแต่พรรคไทยรักไทยถูกยุบ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เดินออกจากศูนย์อำนาจทักษิณ ชินวัตร และหันไปสร้างกลุ่มธรรมาธิปไตย แต่ช่วงเลือกตั้งปี 2550 เฮียกวงมีชื่อไปร่วมก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แต่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

         แม้พ่ายในสนามเลือกตั้ง เฮียกวงไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว ก่อตั้ง “สถาบันอนาคตไทยศึกษา” และเข้าไปขับเคลื่อน “มูลนิธิสัมมาชีพ” 

         หลังรัฐประหาร 2557 สมคิดโผล่มาเป็นสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนจะขยับมาเป็นทีมเศรษฐกิจรัฐบาลประยุทธ์ (ภาค คสช.) และร่วมทำคลอดพรรคพลังประชารัฐ

         อนาคตของกลุ่มสมคิดในรัฐบาลประยุทธ์ (ภาคใหม่) ไม่สดใสเสียแล้ว เมื่อเจ้าของพรรคตัวจริง ออกมาจากหลังม่าน เตรียมปรับขบวนใหญ่

 

 

 

++
         กลุ่มสามมิตร
++
         บ่ายวันที่ 29 พ.ค.2563 ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.เงินกู้ ฯ ที่รัฐสภา สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ,สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ,อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และ ส.ส.กลุ่มสามมิตร ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรคฯ

         ภาพของ “กลุ่มสามมิตร” ทำให้คนจำนวนไม่น้อย นึกถึง “กลุ่มวังน้ำยม” สมัยพรรคไทยรักไทยเฟื่องฟู

         “สุริยะ-สมศักดิ์” เล่นต่อรองกับทักษิณจนถึงนาทีสุดท้าย ก่อนถูกทหารยึดอำนาจ วันนี้ พวกเขาก็ยังเล่นการเมืองแบบเดิมๆ

 

 

 

++
         พรรคฉายแสง
++
         หลังโควิดซา การขยับตัวของกลุ่มแกนนำพรรคไทยรักไทยในอดีต จะถูกจับตามองมากขึ้น การตั้งพรรคใหม่ของพวกเขา คงมิใช่เรื่องที่จะด่วนสรุปว่าเป็นกลยุทธ์ “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย”

         "จาตุรนต์ ฉายแสง" แถลงข่าวเปิดแนวคิดสร้างพรรคอย่างไม่เป็นทางการ โดยประกาศชัด ไม่ใช่สาขาเครือข่ายชินวัตร

         แนวคิดของเสี่ยอ๋อย กคล้ายกับกลุ่มนักกิจกรรมเก่าที่ตั้ง “สภาที่ 3” เป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน ซึ่ง “เสี่ยแดง” พิชัย นริพทะพันธุ์ ได้เข้าไปคลุกคลีกับกลุ่มสภาที่ 3 มานานแล้ว

 

 

 

 

++
         พรรคทางเลือก
++
         กลุ่มวงในตระกูลชินวัตร ที่เริ่มก่อการตอกเสาเข็มสร้าง “บ้านหลังใหม่” มีความน่าสนใจยิ่ง เพราะชื่อคณะผู้ก่อการ ยังขายได้ในตลาดการเมือง

         ไม่ว่าจะเป็น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, ภูมิธรรม เวชยชัย, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ได้เปิดเวทีความคิด คล้ายยุคก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2541

         กลุ่ม “มิ้ง อ้วน เลี้ยบ” หากคิดจะสร้างพรรค ก็คงยึดแนวทางพรรคสภาเชิงก้าวหน้า พวกเขามีบทเรียนมาจากพรรคไทยรักไทย ที่ล้ำหน้ามวลชน และตกเป็นเป้าให้ฝ่ายอนุรักษนิยมโจมตี

         ประเมินแล้ว ทั้งกลุ่มอ๋อย และกลุ่มอ้วน คงคิดเหมือนกัน การเมือง พ.ศ.หน้า คือ การเมืองดิสรัปต์ ต้องรื้อถอนชุดความคิดเดิม ไม่กินบุญเก่า “ทักษิณนิยม”

         หมดยุคพรรคเถ้าแก่ เพราะคนรุ่นใหม่ไปไกลกว่ายุคที่พรรคไทยรักไทย เป็นทางเลือกเมื่อปี 2544