คอลัมนิสต์

แก้ รธน.มาตรา 1 ดับไฟใต้ได้จริงหรือ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... ล่าความจริง..พิกัดข่าว โดย... ปกรณ์ พึ่งเนตร

 

 

 

          หลังจากมีนักวิชาการไปพูดบนเวทีรณรงค์"แก้ไขรัฐธรรมนูญ"ของ 7 พรรคฝ่ายค้านที่ จ.ปัตตานี โดยมีการพูดเชื่อมโยงกันทั้งปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีการเสนอให้"แก้ไขรัฐธรรมนูญมา ตรา 1"เพราะไม่จำเป็นที่ประเทศไทยต้องอยู่แบบ “รัฐเดี่ยว” หรือรัฐรวมศูนย์นั้น

 

 

          ประเด็นนี้ถูกวิจารณ์จากหลายฝ่ายอย่างกว้างขวาง เพราะ"รัฐธรรมนูญมาตรา 1" บัญญัติเอาไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวรก็บัญญัติเอาไว้แบบเดียวกันนี้ เพียงแต่ฉบับแรกๆ จะใช้คำว่า “สยามประเทศ” แทนคำว่า “ประเทศไทย” เพราะสมัยนั้นยังใช้ชื่อประเทศว่า “สยาม”


          ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น เลขาธิการสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย อธิบายว่า "รัฐธรรมนูญมาตรา 1" เขียนมานานจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของความเป็นรัฐธรรมนูญไทยไปแล้ว มาตรา 1 เปรียบเสมือนเป็นสถาบันทางรัฐธรรมนูญไปเรียบร้อย เป็นการยอมรับจากรุ่นสู่รุ่นและเป็นประเพณีการปกครองที่ดีงาม


          ฉะนั้นส่วนตัวจึงเห็นว่าไม่ควรแก้ไข แม้การเสนอแก้รัฐธรรมนูญจะแก้ได้ทุกมาตราก็ตาม แต่สุดท้ายต้องผ่านกระบวนการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย ซึ่งเชื่อว่าถ้าจะแก้มาตรา 1 จะทำให้การ"แก้ไขรัฐธรรมนูญ"เกิดขึ้นไม่ได้ และไม่มีทางสำเร็จ


          รวมทั้งหากจะแก้เพื่อเปิดทางให้เกิด “เขตปกครองตนเอง” ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญมาตราเดียวแล้วจบ เพราะจะไปกระทบกับมาตราอื่นๆ อีก โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จึงมองว่าคนพูดพูดด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกระแสบางอย่างเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้




          รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อดีตผู้อำนวยการโครงการวิทยาลัยการเมือง สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองในมุมคล้ายๆ กันว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนเพราะอยู่ในหมวด 1 บททั่วไป เป็นโครงสร้างประเทศ แม้จะเป็นนามธรรม แต่หากแก้ไขจะส่งผลกระทบมาก


          อาจารย์ยุทธพร ขยายความต่อว่า การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น สามารถเลือกใช้กลไกอื่นแทนได้ เช่น การกระจายอำนาจ หรือรูปแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแบบพิเศษ เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่แตะต้องหมวด 1 (บททั่วไป) และหมวด 2 (สถาบันพระมหากษัตริย์) ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องแก้ไขเรื่องนี้ หากยังเดินหน้าอาจกลายเป็นข้อครหาให้ถูกวิจารณ์และถูกต่อต้านได้ ที่สำคัญการแบ่งแยกดินแดน หรือเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบสหพันธรัฐไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้เพราะจะเป็นการสร้างปมขัดแย้งให้มากขึ้นในอนาคต


          ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายความมั่นคงให้ข้อมูลว่า เจตนาของผู้ที่พูดเรื่องนี้คือมองว่ารูปแบบการปกครองของรัฐไทยเป็นแบบรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป แต่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 1 กินความหมายมากกว่าการรวมศูนย์อำนาจเพราะเป็นการบัญญัติเพื่อรองรับสถานะของประเทศไทยที่เป็น “รัฐเดี่ยว” ไม่ใช่ “รัฐรวม” หรือ “สหพันธรัฐ” เหมือนกับอีกหลายๆ ประเทศ จึงถือเป็นนิยามที่รองรับการเป็น “รัฐเดี่ยว” ของประเทศไทย และไม่ได้หมายความว่าการเป็น “รัฐเดี่ยว” แล้วต้องรวมศูนย์อำนาจแบบเบ็ดเสร็จ เพราะเป็นคนละส่วนกัน


          ที่ผ่านมาประเทศไทยถูกมองว่าเป็นประเทศที่ปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ ซึ่งบางส่วนก็เป็นความจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยไม่ได้กระจายอำนาจเลย เพราะไทยมีการกระจายอำนาจรูปแบบต่างๆ มานาน ทั้ง อบต. สุขาภิบาล เทศบาล อบจ. ไปจนถึงการปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษ ทั้ง กทม.และเมืองพัทยา ฉะนั้นหากการกระจายอำนาจติดขัดปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไรก็สามารถแก้ไขในส่วนนั้นได้ ไม่ใช่ไปปลดล็อกด้วยการ"แก้รัฐธรรมนูณญมาตรา 1" ให้ประเทศไทยแบ่งแยกได้


          หากมีการทำตามข้อเสนอ คือ "แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 1" จะกระทบกับความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรงแน่นอน เพราะกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ก็จะยื่นเงื่อนไขแยกดินแดนตั้งรัฐใหม่ทันที (หมายถึงตั้งรัฐเอกราชใหม่) จากนั้นภาคอื่นๆ ก็อาจเอาอย่าง โดยเฉพาะบางภาคที่มีนักการเมืองครอบงำลงไปถึงระดับท้องถิ่นอาจต้องการแบ่งภาคเป็นเขตพื้นที่ที่สามารถปกครองตนเองได้เลย ทำให้รัฐบาลกลางอาจมีอำนาจแค่ในกรุงเทพฯ ก็เป็นได้ ต้องไม่ลืมว่าในช่วงที่การเมืองมีความขัดแย้งแบ่งสีเสื้อ คนเสื้อแดงบางกลุ่มก็คิดแยกภาคบางภาคออกไปเพื่อตั้งประเทศใหม่มาแล้ว


          ส่วนกรณีที่ผู้พูดอาจอ้างเรื่องการปลดล็อกเพื่อเปิดทางให้จัดตั้ง “เขตปกครองตนเอง” หรือ “เขตปกครองพิเศษ” เพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายความมั่นคงมองว่า เรื่องนี้สามารถทำได้ในรูปแบบ “การปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษ” ซึ่งรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ทำได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแก้ไขมาตรา 1 ให้วุ่นวาย และสุ่มเสี่ยงต่อการตีความในแง่ลบจนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติระดับสูงสุด


          เพราะการปล่อยให้มีการแยกดินแดน ตั้งรัฐใหม่ได้ จะกระทบกับบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตย ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของรัฐในการพิทักษ์รักษาเอาไว้ ตามมาตรา 52 ด้วยเช่นกัน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ชวน พร้อมรับเรื่อง วัชระ ร้องสอบปมขรก.สภา
-วิษณุ ชี้กล่าวถึง กษัตริย์ในสภา ควรประชุมลับ
-(คลิป) ชวน กรีด รัฐบาลต้องรู้หน้าที่แจงสภา
-สภาฯเปิดใช้ปลายปี เผยกลาง ต.ค.นี้ถกพ.ร.บ.งบประมาณ
 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ