คอลัมน์... อ๊อด เทอร์โบ..ดับเครื่องชน [email protected]
‘ดับเครื่องชน’ วันนี้มีจดหมายจากคุณ ‘องอาจ’ สองพี่น้อง แจ้งเรื่องน่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้เกี่ยวกับตำรวจกองปราบฯ จับเจ้าอาวาสที่เป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายแล้วหนีคดีมาบวชจนถูกตำรวจจับสึก
อยากให้จัดการกวาดล้างพระที่มาบวชหนีคดีให้หมดไป และเชื่อว่าในวัดหลายๆ แห่งทั่วประเทศจะมีเป็นจำนวนมากและจะทำให้วงการสงฆ์ขาวสะอาด
ที่ผ่านมานั้น พุทธศาสนิกชนต้องตั้งสติเพื่อสร้างศรัทธาให้เชื่อมั่นในพุทธศาสนา เพราะมีพระสงฆ์ประพฤติผิดธรรมวินัย ดังทราบกันอยู่
บ้างก็ดื่มสุรา, ประพฤติผิดในกาม หรือไปในสถานที่อโคจร หรือประพฤติตัวเป็นผู้วิเศษ-มีเวทมนต์คาถา-เหล่านี้ผิดทั้งสิ้น
จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการศาสนา เป็นแกนนำในการชำระสะสางพระสงฆ์ที่ยังบวชหนีคดีหรือประพฤติตัวไม่เหมาะสมสร้างความเสื่อมให้พุทธศาสนา
ชาวพุทธจะได้กราบไหว้พระและยึดมั่นปฏิบัติธรรมต่อไปด้วยศรัทธา
บวชหนีคดี
เรียน คุณอ๊อด เทอร์โบ
ผมมีเรื่องน่าสะเทือนใจในฐานะของชาวพุทธที่อ่านข่าวเรื่องพระบวชหนีคดี ซึ่งตำรวจกองปราบฯ จับสึกได้ 18 คน ซึ่งคนหนึ่งเป็นเจ้าอาวาสที่เมืองสุพรรณบุรี
ถ้าหากลืมไปผมขอสรุปเรื่องมาให้คุณทราบเพื่อจะเร่งรัฐบาลช่วยวางมาตรการ โดยตำรวจกองปราบฯ จับกุม นายปพนสรรค์ เพ็ชร์พันธุ์ หรือพระครูสังฆรักษ์ ปพนสรรค์ กนตธัมโม อายุ 40 ปี เจ้าอาวาสวัดรอเจริญ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี อยู่บ้านเลขที่ 143/2 หมู่ 4 ต.ตัวตะพาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2547 และหมายจับศาลจังหวัดสมุย ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2548
ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่า, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง” จับได้ที่หน้าวัดรอเจริญ บ้านยอด หมู่ 1 ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
โดยปี 2547 นายปพนสรรค์ร่วมกับพวกก่อเหตุยิงวัยรุ่นคู่อริต่างหมู่บ้าน บาดเจ็บสาหัสในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมา 2548 ยังใช้ปืนยิงผู้อื่นอีกครั้งในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนหลบหนีไปบวชเป็นพระภิกษุ ที่วัดรอเจริญ จ.สุพรรณบุรี นานถึง 16 ปี
จนได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด ต่อมาสืบทราบผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 คดี หนีมาบวชเป็นพระที่วัดดังกล่าว ตามไปจับกุมได้ในสภาพนั่งเก้าอี้รถเข็นวีลแชร์ ก่อนนิมนต์พระครูสิริวรธรรมาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดลานคา เจ้าคณะตำบลบางปลาม้า เขต 1 ทำพิธีสึก
นี่คือโจรผู้ก่อคดีหนีมาบวช เอาผ้าเหลืองคลุมตัวหนีความผิดที่ตำรวจต้องจัดการต่อไป
องอาจ (สองพี่น้อง)
ถ้ำหลวงเปิดแล้ว
เรียน คุณอ๊อด เทอร์โบ
ดิฉันเพิ่งไปเที่ยวเชียงรายมาและมีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบว่าถ้ำหลวงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตามปกติแล้ว โดยทีแรกนั้นอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ปิดการท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 เนื่องจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ จะเข้าทำการขนย้ายอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน และบันทึกการปฏิบัติภารกิจในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
ต่อมาอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ขอยกเลิกประกาศปิดการท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 เนื่องจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (หน่วยซีล) ติดภารกิจต้องเลื่อนการปฏิบัติงานภายในถ้ำหลวงอย่างไม่มีกำหนด
นักท่องเที่ยวจึงสามารถเข้าไปท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง และสระน้ำเขียวมรกต ขุนน้ำนางนอน ทั้ง 2 แห่งได้ตามปกติเช่นเดิม
ดิฉันจึงโชคดีที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกๆ ที่ได้ไปเช็กอินและรำลึกถึงความหลังเหตุการณ์ช็อกโลกและทำให้ทีมหมูป่ากลายเป็นที่สนใจของชาวโลก
จึงอยากเชิญชวนไปเที่ยวกันนะคะ ถ้าได้ไปเชียงรายและนอกจากถ้ำหลวงแล้ว เชียงรายยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย และดิฉันได้ไปเที่ยวภูชี้ฟ้า-ภูชี้ดาว ด้วย-สวยงามประทับใจจริงๆ ค่ะ
มาลัย (ชัยนาท)
4/4
ตอบคุณ ‘มาลัย’ ชัยนาท
ขอบคุณสำหรับจดหมายแจ้งข่าวดีของคุณและขอเป็นสื่อกลางแจ้งให้ชาวไทย-นักท่องเที่ยวได้ไปสำนึกถึงเหตุการณ์ 13 หมู่ป่าที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนด้วย
ผมเองคุ้นเคยกับบริเวณนั้นเพราะชอบวิวทิวทัศน์ของดอยนางนอนและขอฝากเตือนว่าอย่าไปเข้าถ้ำลึกๆ เป็นอันขาด อาจจะเกิดพลัดหลงได้
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ต้องคอยควบคุมดูแลให้ดีและมีป้ายแจ้งเตือนอันตรายและข้อห้ามต่างๆ อย่างเข้มงวด แม้จะไม่ใช่ฤดูฝนที่ทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมถ้ำหลวงเหมือนปีก่อน
แต่ทุกคนอย่าประมาทเป็นอันขาดและขอให้บันทึกความทรงจำด้วยภาพถ่าย อย่าไปเก็บของหรือทำลายธรรมชาติ ซึ่งผิดกฎหมายเหมือนที่ชาวบ้านชอบพูดกันว่า “ดูแต่ตามืออย่าต้อง-ของจะเสีย”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง