"ปรับเปลี่ยนพื้นที่การผลิต"ไม่เหมาะสม ตามแผนที่เกษตรเพื่อ"การบริหารจัดการเชิงรุก"(Agri-Map) พลิกชีวิตสร้างรายได้
นโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการดำเนินการปรับเปลี่ยนพื้นที่การผลิตไม่เหมาะสม ตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map)มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นการผลิตที่เหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ตลาดและตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีหน่วยงานต่างๆภายในกระทรวงเกษตรฯบูรณาการร่วมกันได้แก่กรมพัฒนาที่ดินร่วมกับกรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมหม่อนไหม สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ การยางแห่งประเทศไทยและสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่ง กรมพัฒนาที่ดิน ได้ทำการสนับสนุนและส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง
กรมพัฒนาที่ดินโดยสถานีพัฒนาที่ดินหนองคายได้ทำการลงพื้นที่บ้านนาฝากหมู่ 7 ต.นาฝาก อ.โพนทอง จ.หนองคาย ของนายเฉลิมศักดิ์ โพธนิกร เกษตรกรวัย 39 ปีจากการสำรวจพื้นที่พบว่าปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสมเจ้าหน้าที่ของสถานีพัฒนาที่ดินหนองคายได้เข้าพบเกษตรกรเพื่อชี้แจงและแนะนำให้เกษตรกรได้เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่การผลิตไม่เหมาะสมตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก(Agri-Map)
จากนั้นสถานีพัฒนาที่ดินหนองคายได้เริ่มดำเนินการปรับโครงสร้างของดินประกอบด้วยกิจกรรมปรับรูปแปลงนาลักษณะที่ 1 ปรับรูปแปลงนาลักษณะที่ 2 การปรับแปลงนาแบบร่องน้ำยกคันเพื่อปลูกพืชแบบผสมผสานพร้อมสนับสนุนปัจจัยการผลิต อาทิเช่น ปุ๋ยหมักจากสารเร่ง ซุปเปอร์ พด.1 น้ำหมักชีวภาพจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 โดโลไมท์เพื่อปรับปรุงดินกรด เมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสดเพื่อปรับปรุงบำรุงดินในพื้นที่พร้อมพานายเฉลิมศักดิ์ไปศึกษาดูงานจากเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จที่จังหวัดอุดรธานี
นายเฉลิมศักดิ์ โพธนิกร เปิดเผยว่า...“ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นพนักงานเอกชน มีรายได้รวมกับแฟนสาวราว 60,000 บาทต่อเดือนหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิดรอบที่ 1 ทำให้เหลือรายได้ทั้งสองคนรวมกันเพียงหมื่นกว่าบาทต่อเดือนทำให้ต้องตัดสินใจกลับบ้านซึ่งยังไม่มีจุดมุ่งหมายหลังจากกลับมาบ้านเพียง 3 วันได้ออกจากบ้านมาอยู่ทุ่งนาหวังพลิกพื้นที่นาเดิมกว่า 18 ไร่ที่แม่มอบให้และเคยทำนามาทุกปีก็ขาดทุนตลอดจนต้องปล่อยทิ้งร้างแล้วทำนาแค่บางส่วนแต่ก็ยังพบปัญหาต้นทุนสูง ผลิตต่ำมาโดยตลอดในวันนั้นทั้งคนรอบข้างและคนในหมู่บ้านมองว่าตนเองบ้าที่จะมาพักอยู่ทุ่งนาที่ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำใช้ ซึ่งหลังจากการเข้าร่วมโครงการฯในระยะเวลาไม่ถึง6 เดือนได้ปรับปรุงพื้นที่การผลิตให้เหมาะสมและทำกิจกรรมที่หลากหลายในรูปแบบเกษตรผสมผสานในพื้นที่ของตนเอง ทั้งทางด้านพืช การปลูกกล้วย ไม้ผล พืชผักสวนครัวและเห็ดนางฟ้า ด้านประมง การเลี้ยงปลาดุก ปลาช่อนในบ่อดินและในกระชัง ด้านปศุสัตว์ การเลี้ยงเป็ดไข่ นกกระทารวมไปถึงเลี้ยงด้วงมะพร้าวและกิจกรรมการเลี้ยงแหนแดงเพื่อใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ทำให้ปัจจุบันมีรายได้หมุนเวียนจากกิจกรรมต่างๆ ต่อเดือนหลังจากหักค่าใช้จ่าย รวม 65,300 บาทจากการขายไข่เป็ด 39,300 บาท ไข่นก 6,000 บาท ปลากะซัง 7,000 บาท ด้วงมะพร้าว 10,000 บาท เห็ดนางฟ้า 3,000 บาท ซึ่งทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละ 2,176 บาท”
“ถ้าไม่มีพัฒนาที่ดินเข้ามาช่วยเหลือ ผมคงไม่มีวันนี้ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ช่วยเหลือผมจริงๆ และทำให้คนรอบข้างเห็นว่าผมไม่ได้บ้า”นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง