ข่าว

ป่วยรายใหม่แค่ 51 ดับอีก 3 รวม 26 ศพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศบค.เผยยอดติดเชื้อใหม่ 51 ราย ต่ำกว่าร้อยแต่ยังวางใจไม่ได้ต้องคุมเข้มระบาดต่อไป ยอดสะสม 2,220 ดับอีก 3 รวมเสียชีวิต 26 ราย มี 11 จว.ยังไม่พบผู้ป่วย อาลัยพยาบาลสาว รพ.เชียงราย-อสม.พิษณุโลก เสียชีวิตทุ่มเททำงานด่านหน้าสู้ไวรัส

สถานการณ์แพร่ระบาด โควิด-19 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่าร้อยแต่ยังไม่น่าไว้วางใจต้องควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวดต่อไป

 

 

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 6 เมษายน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 51 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.สัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า 25 ราย ได้แก่ กลุ่มกลับจากพิธีศาสนา 3 ราย และกลุ่มใกล้ชิดผู้ป่วยรายก่อนหน้า 22 ราย

 

 

 

 

 

2.ผู้ป่วยรายใหม่ 19 ราย ได้แก่ คนไทยกลับจากต่างประเทศ 1 ราย คนต่างชาติเข้ามา 1 ราย คนสัมผัสผู้มาจากต่างประเทศ 1 ราย กลุ่มอาชีพเสี่ยง ทำงานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดต่างชาติ 3 ราย บุคลากรทางการแพทย์ 13 ราย ที่เยอะเพราะเป็นตัวเลขสะสม จำนวนนี้เป็นเอกชน 11 ราย และ 3.อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 7 ราย โดยผู้ป่วยใหม่กระจายใน กทม. 27 ราย, นนทบุรี ภูเก็ต 4 ราย, ชลบุรี 3 ราย, สมุทรปราการ ยะลา สุราษฎร์ธานี และพัทลุง 2 ราย, ปัตตานี ปทุมธานี อุบลราชธานี นราธิวาส และสระแก้ว 1 ราย

ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ได้แก่ 1.ชายไทย อายุ 28 ปี เป็นพนักงานบริษัทใน กทม. มีประวัติเพื่อนร่วมงานของภรรยาติดโควิด-19 โดยเริ่มป่วยวันที่ 27 มีนาคม มีไข้ ไอ เจ็บคอ รักษาโรงพยาบาลเอกชนใน กทม. แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงย้ายไปรักษาที่ จ.สมุทรปราการ โดยวันที่ 4 เมษายน มีไข้สูง 39.2 ตรวจพบว่าออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือ 55 จึงส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลเอกชนใน กทม. และเก็บตัวอย่างตรวจ ผลออกมาวันที่ 4 เมษายน ว่าติดเชื้อไวรัส และเสียชีวิตวันเดียวกันในเวลา 22.00 น.

2.ชายไทย อายุ 51 ปี ทำอาชีพส่วนตัว โดยมีโรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และอ้วน เริ่มป่วยวันที่ 28 มีนาคม รักษาโรงพยาบาลเอกชนใน กทม. แรกรับมีอาการไอ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ หนาวสั่น วันที่ 29 มีนาคม มารักษาอีกครั้ง และวันที่ 1 เมษายน มารักษาที่เดิมแล้วแอดมิต โดยมีอาการปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก ออกซิเจนในเลือดน้อยลง ตรวจเอกซเรย์ปอดมีอาการปอดอักเสบรุนแรง รู้ผลว่าติดไวรัสวันที่ 2 เมษายน และเสียชีวิตวันที่ 4 เมษายน และ 3.หญิงไทย อายุ 59 ปี อาชีพค้าขาย มีโรคเบาหวาน ก่อนหน้านี้ ไปเล่นการพนันหลายแห่งใน กทม. เริ่มป่วยวันที่ 29 มีนาคม รักษาในโรงพยาบาลเอกชน ที่ กทม. วันที่ 1 เมษายน โดยแรกรับไม่มีไข้ หายใจหอบเหนื่อย ออกซิเจนลดเหลือ 68 จากการเอกซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง แพทย์ส่งตรวจเสมหะและโพรงจมูก พบโควิด-19 วันที่ 2 เมษายน และเสียชีวิต

สรุปผู้ป่วยโควิด-19 สะสม 2,220 ราย หายแล้ว 793 ราย เสียชีวิตรวม 26 ราย โดยกระจาย 66 จังหวัด พบว่า กทม.สูงสุด 1,051 ราย นนทบุรี 143 ราย ภูเก็ต 135 ราย สมุทรปราการ 103 ราย และชลบุรี 66 ราย เป็นต้น ส่วนจังหวัดไม่มีรายงานผู้ป่วยมี 11 ราย คือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สตูล สิงห์บุรี และอ่างทอง 

“อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้ผู้ป่วยรายใหม่จะลดลงมาเหลือ 51 ราย แต่ยังไม่มั่นใจ ท่านต้องดูแลตัวเอง คนในครอบครัว เพราะตัวเลขมีขึ้นมีลง โดย 2-3 วันนี้ยังไม่เห็นภาพชัดนัก ยังมีความน่าเป็นห่วง เพราะระบบการรายงานยังมีการรอสอบสวนโรคอยู่ อย่าเพิ่งวางใจ” โฆษกศบค.ระบุ และว่า ในส่วนเหตุผลที่ต้องเฝ้าระวังคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเนื่องจากตอนนี้มีการระบาดไปทั่วโลก ซึ่งรายงานสถานการณ์ประจำวัน สหรัฐยังสูง ดังนั้นทิศทางยังไม่สามารถไว้วางใจได้ แต่ประเทศสเปน เยอรมนี ทิศทางยังทรงๆ หลายๆ ประเทศยังเกาะกลุ่ม ส่วนเอเชียพบว่าที่อินเดียยังน่ากังวลใจมีประชาชนมาก ส่วนไทยยังอยู่ในระดับกลางๆ ทิศทางพยายามทำให้ลงมาให้ได้ โดยเมื่อวิเคราะห์ผู้ป่วยในไทย พบว่า กทม.มีแนวโน้มลดลง ส่วนต่างจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้ง กทม.และต่างหวัด พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งเป็นการติดเชื้อจากคนร่วมบ้าน ดังนั้นนอกจากการเว้นระยะห่างทางสังคมแล้ว ยังต้องเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลภายในบ้านด้วย อย่าใกล้ชิด สัมผัส กอด หอมกันนั้นขอให้เว้นไปก่อน

ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.มนิสรา ใจบุญ หรือพยาบาลนิด อายุ 39 ปี พยาบาลวิชาชีพประจำตึกผู้ป่วยสมเด็จย่าศัลยธรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทราบว่า น.ส.มนิสราทำงานมานานและล้มป่วยลงเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ด้วยอาการเกล็ดเลือดต่ำ ความดันปอดสูง ลิ้นหัวใจรั่ว ไตทำงานหนัก และต้องใช้การฟอกไต ต่อมาติดเชื้อในกระแสเลือด ปัจจุบันญาตินำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาเดิม ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย

 

 

 

 

 

นายธนพนธ์ หลวงแก้ว อายุ 41 ปี สามีของ น.ส.มนิสรา กล่าวว่า มีลูกสาวอายุเพียง 4 ขวบ ภรรยาป่วยเป็นโรคหัวใจรั่วมาหลายปีซึ่งแพทย์ได้รักษาตามอาการไปก่อนเพราะไม่ยอมทำการผ่าตัดเนื่องจากจำเป็นต้องเลี้ยงดูบุตร ขณะเดียวกันก็ทำงานหนักในฐานะพยาบาล โดยเฉพาะเมื่อเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำให้แพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ต้องทำงานกันหนักมากขึ้น ทำให้ตนต้องไปรับและส่งไปทำงานโดยตลอด และสังเกตเห็นว่าภรรยาเหนื่อยแต่ก็ตั้งใจทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบร่วมกับแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ซึ่งตนก็พยายามให้กำลังใจ กระทั่งต่อมาภรรยาล้มป่วยและเสียชีวิต ทุกคนในครอบครัวเสียใจอย่างมาก อย่างไรก็ตามขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเป็นกำลังใจโดยเฉพาะผู้ที่บริจาคเลือด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้มีประกาศแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ น.ส.มนิสรา ระบุว่า เป็นผู้ทำงานอย่างเสียสละและเป็นบุคลากรที่สำคัญและเสียสละอย่างเต็มความสามารถ

วันเดียวกัน นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ขอสดุดี#นางทองใส เศรษฐสูงเนิน อสม.บ้านเนินมะเกลือ อำเภอวังทอง พิษณุโลก มาปฏิบัติหน้าที่ด่านโควิดบ้านเนินมะเกลือ เมื่อ 4 เมษายน และปวดหัวรุนแรงได้นำส่งโรงพยาบาลวังทองและส่งไปโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลพุทธชินราชมีอาการเลือดออกในสมอง #เสียชีวิตประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 5 เมษายน #หลับให้สบายเถิด #ท่านได้รับใช้ชาติอย่างสมเกียรติ คนพิษณุโลกจะจดจำคุณงามความดีของท่านไว้ในใจตลอดไปครับ#ราชการจะเยียวยาตามระเบียบอย่างสูงสุดครับ"

 

 

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ