ข่าว

"อสมท" วุ่นอีก ไอ้โม่งลักไก่ดันตั้งบอร์ดตัวเอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อสมท" วุ่นไม่จบ ไอ้โม่งคิดลักไก่ดันตั้งบอร์ดตัวเอง ส่อทำผิดกฎหมาย ทำกรรมการผวาไม่กล้าประชุมร่วมพรุ่งนี้

 

                  มีรายงานว่า คณะกรรมการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ mcot จะเรียกประชุมคณะกรรมการในบ่ายวันพรุ่งนี้ โดยมีวาระที่จะพิจารณาชื่อกรรมการแทนกรรมการที่หมดวาระ 4 คน แต่มีความผิดปกติตรงที่ แทนที่จะพิจารณา ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาเสนอคณะกรรมการตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 กลับจะใช้มติบอร์ด เพื่อบังคับให้คณะกรรมการสรรหา ไปพิจารณารายชื่อตามที่บอร์ดในวันพรุ่งนี้ส่งให้ “เรื่องนี้เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะตามระเบียบและกฎหมาย รายชื่อจะต้องมาจาก คณะกรรมการสรรหาเสนอบอร์ดใหญ่ บอร์ดจะมีหน้าที่อนุมัติหรือไม่อนุมัติตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาเท่านั้น แต่นี่กลับไม่พิจารณารายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมา และยังจะไปบังคับกรรมการสรรหา พิจารณาชื่อที่บอร์ดกำหนดอีก” แหล่งข่าวกล่าวนอกจากจะไม่ให้อิสระแก่กรรมการสรรหา ซึ่งอาจจะผิดต่อหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์และคณะกรรมการกำกับหลักทรัย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายอื่น

 

 

 

                  อีกแหล่งข่าวกล่าวว่า ประเด็นนี้ทำให้กรรมการหลายคนของ อสมท ลังเลที่จะเข้าประชุมบอร์ดในบ่ายวันพรุ่งนี้ เพราะเกรงว่าจะเข้าร่วมประชุมและมีมติที่อาจจะผิดต่อกฏหมายได้

                  ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวจากสหภาพแรงงาน อสมท ได้ระบุว่า มีความพยายามของกรรมการบางส่วนที่อ้างคำสั่ง “ผู้ใหญ่” ในรัฐบาล เพื่อให้เปลี่ยนแปลงการสรรหากรรมการใหม่แทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระ 1 ใน 3 หรือ 4 คน อันเป็นหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อต้องการให้คนของตนเองได้เข้าไปนั่งในคณะกรรมการ อสมท ต่อไป ทั้งๆที่คณะกรรมการสรรหาไม่อนุมัติต่อวาระบุคคลดังกล่าว

                  รายงานข่าวระบุอีกว่า เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีประชุมคณะกรรมการสรรหาที่มี นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาเป็นประธาน และเป็นกรรมการอิสระ อสมท มีมติให้ต่อวาระ นางภัทราพร วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง และนายมนตรี แสงหิรัญ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท PTT ICT Solutions เป็นกรรมการต่ออีก 1 วาระ และมีมติไม่ต่อวาระแก่ พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา นายตำรวจเกษียณราชการ ประธานกรรมการอิสระ และนายสมหมาย ลักขณานุรักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณทั้งนี้คณะกรรมการสรรหาส่งหนังสือถึงผลการสรรหากรรมการ ไปให้คณะกรรมการ อสมท เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติ แต่ปรากฎว่าบอร์ดผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ยอมรับผลของคณะกรรมการสรรหา โดยอ้างว่าต้องส่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. พิจารณาเรื่องนี้ และให้ตีกลับไปที่ สคร.

 

 

 

                  “ตามขั้นตอนของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และมีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ต้องให้บอร์ดอนุมัติก่อน จากนั้นจึงจะต้องส่งเรื่องให้ สคร. ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติของกรรมการที่ได้รับการสรรหา มีความเหมาะสมหรือไม่ ไม่ใช่ผู้อนุมัติ ซึ่ง ปตท.ก็ดี หรือ ธนาคารกรุงไทยก็ดี ก็ใช้กฎเกณฑ์นี้เช่นกัน แต่บอร์ดที่มีส่วนได้ส่วนเสียกลับส่งเรื่องให้สคร.เพื่อให้มีการสรรหาใหม่”แหล่งข่าวกล่าวแหล่งข่าวกล่าวว่า กรรมการสรรหาให้เหตุผลว่า ไม่ต่ออายุบางคน เนื่องจากมีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะกรรมการเป็นทั้งอนุกรรมการเยียวยาคลื่น 2600 จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโยตรงกับ อสมท จึงไม่ต่ออายุให้ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2563 คณะกรรมการ กสทช.มีมติ ให้จ่ายค่าตอบแทนในการเรียกคืนคลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิรตซ์ ให้ อสมท จำนวน 6685.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นตามผลการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “มีบอร์ดบางคนไปวิ่งเต้นให้สรรหาใหม่ โดยอ้างว่ามีผู้ใหญ่ในรัฐบาลต้องการเปลี่ยนแปลง แต่ประธานสรรหาบอกเรื่องนี้เป็นมติของคณะกรรมการสรรหาไปแล้ว”

                  แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้ทางสหภาพแรงงานของ อสมท ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะจะส่งผลเสียหายคต่อ อสมท โดยทำหนังสือถึงนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล อสมท ตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่ามีการวิ่งเต้นกรรมการสรรหาครั้งนี้จะเสียผลประโยชน์ต่อ อสมท

                  “การตั้งบอร์ดใหม่ 4 คน ที่มีการดึงเรื่อง ไม่รับรองในคราวประชุมบอร์ดเมื่อ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่จริงต้องจบภายในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะต้องให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 21 เม.ย.นี้รับรอง ซึ่งตามระเบียบตลาดหลักทรัพย์ ต้องส่งชื่อให้ผู้ถือหุ้นทราบภายใน 30 วัน ถ้าส่งไม่ทันก็ทำให้การตั้งบอร์ดใหม่ตกไป หรือถ้าจะเรียกประชุมใหญ่หลังจากนั้น เพื่ออนุมัติบอร์ดใหม่อีก ก็จะเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 1 ล้านบาท”

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ